จับตางูเห่า พปช.

สกัด'สมัคร'คัมแบ๊ก 6 พรรคยันกอดคอตั้งรัฐบาล ผบ.ทบ.ชี้ รบ.พิเศษแก้วิกฤติ ห้ามพลาดโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่วันนี้จับตาปฏิบัติการช่วงชิงอำนาจ ลือสะพัดพรรคร่วมเตรียมแปรพักตร์ไปเข้ากับ"ประชาธิปัตย์"เพราะไม่พอใจที่"พลังประชาชน"เสนอ"หมัก"เป็นนายกฯ อีกรอบ เผย"เสธ.หนั่น"เดินเกมแอบต่อสายเคลียร์ ด้าน ปชป.ระริกระลี้รอรับส้มหล่น ขณะที่“หมัก” ประกาศ “กามิกาเซ่” สู้ตายเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ไม่ยอมแพ้พวกข้างถนน อย่ากะพริบตา “อีสานพัฒนา” มีสิทธิกลายร่างเป็นงูเห่า “ไพจิต” ยันไม่เอานายกฯ คนเดิม หวั่นสถานการณ์เลวร้ายสุดกู่ เผยเอาแน่ไม่โหวตสวนก็งดออกเสียง “เติ้ง” แย้มนายกฯ ใหม่ต้องแกร่งทั่วแผ่น ด้าน ผบ.ทบ.เชียร์รัฐบาลแห่งชาติ เปรยถ้าทำได้จะเป็นทางออกที่ดี พปช.ดัน “หมัก” คัมแบ๊ก เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่พรรคพลังประชาชนมีการประชุม ส.ส.นัดพิเศษ เพื่อขอมติเสนอชื่อผู้ที่เห็นว่าเหมาะสมจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 12 ก.ย. มี ส.ส.รัฐมนตรี และแกนนำกลุ่มต่าง ๆ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำ ส.ส.ภาคเหนือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำภาคเหนือตอนล่าง นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ประธาน ส.ส.กรุงเทพฯ นายทรงศักดิ์ ทองศรี กลุ่มเพื่อนเนวิน รวมถึงผู้ที่มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯคนใหม่อย่างนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ยกเว้นนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เข้าร่วมประชุม รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมได้แยกเป็น 2 ส่วนโดยระดับกรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรี และแกนนำประชุมที่ชั้น 8 ขณะที่ ระดับ ส.ส.แยกประชุมที่ชั้น 2 หลังการประชุม นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกฯรอบ 2 โดยไม่มีใครคัดค้าน พรรคร่วมรับได้ไม่มีปัญหา รายงานข่าวแจ้งต่อว่า ในการประชุมมีความเห็นแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1.ไม่ต้องการให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ 100 เปอร์ เซ็นต์ นำโดยนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นคร พนม กลุ่มที่ 2.สนับสนุนให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ นำโดยกลุ่มเพื่อนเนวิน กลุ่มที่ 3.ต้องการสนับสนุนให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯแต่เป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง รวมถึงคดีหมิ่นประมาท ซึ่งอาจส่งผลให้นายสมัครถูกตัดสินจำคุกในวันที่ 25 ก.ย. ข่าวแจ้งว่า กลุ่มของนายไพจิตได้แสดง เจตจำนงชัดเจนว่าไม่ต้องการให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ โดยอ้างว่าพรรคร่วมรัฐบาลต่างไม่เห็นด้วย อาจจะทำให้สถานการณ์การเมืองเลวร้ายไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม นพ.สุรพงษ์ได้แย้งว่าจากที่ตนได้เดินทางไปพบหัวหน้าพรรคร่วม รัฐบาลเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ทุกพรรคยืนยันว่าจะสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯอีกครั้ง “ยงยุทธ”นำทีมกล่อมสู้ต่อ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าจะเสนอชื่อนายสมัคร ให้เป็นนายกฯ การตัดสินใจครั้งนี้ได้นำความเห็นของฝ่ายต่าง ๆ มาประกอบการพิจารณา แต่เนื่องจากวันนี้เรากำลังสู้กับอำนาจที่ต้องการทำลายประชาธิปไตย โดยเฉพาะลัทธิการเมืองใหม่ จึงสนับสนุนนายสมัครให้สู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตยต่อไป นายพงศกร อรรณนพพร รักษาการ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากนี้ นพ.สุร พงษ์ นายทรงศักดิ์ นายสันติ และนายยงยุทธ จะนำมติที่ได้ไปพูดคุยกับนายสมัคร ถ้านายสมัครไม่รับตำแหน่ง พรรคยังไม่ได้หารือว่าจะเสนอใครขึ้นมาแทน ต้องกลับมาประชุมพรรคอีกครั้ง อีสานพัฒนาแผลงฤทธิ์ นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า หากนายสมัครไม่รับตำแหน่ง พรรคต้องกลับมาประชุมอีกครั้งว่าจะเสนอชื่อใครแทน เบื้องต้นก็อยู่ในรัฐมนตรี “3 ส.”เช่นเดิม คาดว่าจะได้คำตอบอย่างช้าที่สุดก็ไม่เกิน 08.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ก่อนเปิดประชุมสภาเพื่อลงคะแนนเลือกนายกฯ นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม กลุ่มอีสานพัฒนา พรรคพลังประชาชน กล่าวปฏิเสธข่าวที่ระบุว่าพรรคมีมติหนุนนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า พรรคยังไม่ได้มีมติว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ เพียงแต่มอบหมายให้คณะทำงานไปเจรจากับนายสมัคร เพื่อขอคำตอบว่าจะยังยืนยันที่จะเป็นนายกฯต่อหรือไม่ ได้คำตอบอย่างไรก็จะนำมาหารือในที่ประชุมอีกครั้ง ขู่ 23 เสียงไม่ยกมือหนุน ด้านนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส. เลย กลุ่มอีสานพัฒนา พรรคพลังประชาชน กล่าวเสริมว่า การที่คณะทำงานไปหารือกับนายสมัคร เพื่อต้องการบอกให้นายสมัครถอย ให้เห็นแก่ชื่อเสียงและประเทศชาติ เพราะนอกจากคนรอบนอกจะไม่เอาแล้ว แม้แต่ ส.ส.กว่า 100 คนของพรรคก็ไม่เอา นี่ยังไม่รวมกับเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่เห็นไปในแนวทางเดียวกัน “หากนายสมัครยังเดินหน้าจะรับตำแหน่งอีก กลุ่มอีสานพัฒนาที่มี 23 เสียงจะไม่ยกมือหนุนแน่นอน” ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนากล่าว เมื่อถามว่า โอกาสที่ตำแหน่งนายกฯจะพลิกผันไปเป็นของพรรคการเมืองอื่นมีหรือไม่ นายปรีชากล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ตอนนี้พูดกันอยู่แค่ว่านายสมัครจะรับหรือไม่เท่านั้น เพราะคนที่มีอักษรย่อ “ส.” 2 คนในพรรคก็ยังมีสิทธิอยู่ ไม่เป็นของพรรคอื่นแน่ มติ “ปลาไหล” ร่วม พปช. นายเอกพจน์ ปานแย้ม โฆษกพรรคชาติไทย แถลงผลการประชุมพรรคว่า พรรคพร้อมเข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้ง ส่วนการสรรหาชื่อนายกฯ มอบหมายให้พรรคพลังประชาชนเป็นผู้คัดเลือก จึงต้องรอผลสรุปว่าเขาจะเสนอชื่อใคร เมื่อทราบชื่อแล้ว พรรคจะประชุมกันอีกครั้งที่รัฐสภา ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายเอกพจน์กล่าวต่อว่า พรรคเพียงแต่ฝากข้อคิดไปยังพรรคพลังประชาชนในการสรรหานายกฯ ว่าขอให้พิจารณาคนที่เหมาะสม เป็นผู้นำ ประสานงานและพูดจาได้ทุกฝ่าย มีความประนีประนอมเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในบ้านเมือง ขวาง “หมัก” รีเทิร์น รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมนายบรรหารได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายว่าหากพรรคพลังประชาชนเสนอชื่อนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีกมีความเห็นอย่างไร ซึ่งสมาชิกทุกคนได้ลุกขึ้นพูดเปิดใจไปในแนวทางเดียวกันว่า ไม่ต้องการให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีก เพื่อลดความขัดแย้งที่มีอยู่ขณะนี้ ซึ่งมีสมาชิกพรรคบางคนถึงกับเสนอว่า ถ้าพรรคพลังประชา ชนยังยืนยันที่จะเสนอนายสมัครเป็นนายกฯ อีกก็ขอให้พรรคถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล ข่าวแจ้งด้วยว่า นายบรรหารขอให้ทุกคนใจเย็น ๆ การเมืองต้องค่อย ๆ คิดผลีผลามไม่ได้ การจะตัดสินใจต้องคิดอย่างรอบคอบ นำปัจจัยแวดล้อมหลายประการมาประกอบ ต้องรอดูว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ แล้วจึงมาพิจารณากันอีกครั้งว่าเหมาะสมหรือไม่ “เติ้ง” แขวะ ปชป.รัฐบาลแห่งชาติ ด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า พรรคยึดหลักเสียงข้างมากเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และได้ฝากข้อคิดว่าใครบ้างที่เหมาะเป็นผู้นำรัฐบาล เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ในชาติ และเช้าวันที่ 12 ก.ย. จะประชุมกันอีกครั้งหลังจากที่พรรคพลังประชาชนส่งชื่อมาให้ทราบ เมื่อถามว่า ถ้าเป็นบุคคลที่เห็นว่าไม่ใช่ มติพรรคที่จะร่วมรัฐบาลจะเปลี่ยนหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ต้องหารือกันอีกครั้ง การแถลง 6 พรรคร่วมรัฐบาลยินดีที่จะเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ นายบรรหารกล่าวว่า ตอบไม่ถูกอยู่ที่เสียงส่วนใหญ่ ถ้าให้เป็นก็ไม่มีปัญหา แต่รัฐบาลแห่งชาติไม่มีฝ่ายค้าน เดิมพรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่าไม่เห็นด้วย แต่มาเสนอในช่วงนี้คงอยากผ่าทางตัน หากมีเสียงสนับสนุนก็ไม่มีปัญหา แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยาก นายกฯ ใหม่ต้องอึดแกร่งทั่วแผ่น ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ จะรับได้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ส.เสือมีกี่ ส. ก็เหมาะสมทั้งหมด สำคัญอยู่ที่คนจะขึ้นมาเป็นนายกฯ ต้องมีบารมีเพียงพอ เพราะถ้าไม่มีบารมีอยู่เดือนเดียวคงทนเหตุการณ์บีบคั้นไม่ไหวแล้ว ใครที่สามารถทนมือทนไม้ได้อย่างนั้นก็ต้องพิจารณาดูกันเอง “ส่วนผมเขาไม่ให้ผมเป็นหรอกเชื่อเถอะ และผมก็ไม่เป็น ขนาดยังไม่ได้เป็นบนเวทีก็มาด่าผมเลย แย่จริง ๆ ตอนนี้การเมืองสู่ทางตันแล้วจะทำอย่างไร วิธีสุดท้ายของผมมีแต่พูดไม่ได้ พูดได้แค่ว่า ตูม ๆ” นายบรรหาร กล่าว ทางออกคือรัฐบาลพิเศษ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า พรรคร่วมรัฐบาลกำลังตัดสินใจกันอยู่จึงต้องรอฟัง สิ่งที่พรรคเสนอเป็นการหาทางออกให้กับประเทศ ไม่ได้สนใจเรื่องการแย่งชิงอำนาจเลย ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลยังมีความคิดที่จะทำงานร่วมกันต่อ ความคิดดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น แต่ต้องให้เหตุผลกับสังคมว่ามีทางออกอย่างไร ถ้าเขาเห็นว่ามีประเด็น ที่น่าจะต้องมาคุยกันเราก็พร้อม อีกทั้งต้องรอดูว่าสภาจะเลือกใครเป็นนายกฯ และให้ผู้นั้นคลี่คลาย วิกฤติ “การเสนอให้มีรัฐบาลพิเศษเป็นทาง ออกหนึ่งเท่านั้น ไม่เหมือนรัฐบาลแห่งชาติในอดีต เพราะเป็นรัฐบาลที่เปิดพื้นที่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่พรรคการเมืองด้วย และต้องประกาศเวลาและภารกิจที่ชัดเจนในการทำงานในสถานการณ์พิเศษ ถ้าจะไม่มีฝ่ายค้าน เพราะถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิม ก็น่าหนักใจสำหรับบ้านเมือง” นายอภิสิทธิ์กล่าว เตือนดึงดันแก้ปัญหาไม่ได้ เมื่อถามว่า ถ้านายกฯ คนใหม่มาจากพรรคชาติไทย จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่ว่ารัฐบาลชุดใหม่รู้ว่าภารกิจของตัวเองคืออะไร ถ้าตระหนักในภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นแล้วเก็บบทเรียนไม่ให้เหมือนกับที่ผ่านมา ก็มีโอกาสที่จะแก้ไขได้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลแห่งชาติยังเป็นทางออกสำหรับบ้านเมืองอยู่ ส่วนตัวนายกฯต้องมาจากสภา มีระยะเวลาในการบริหารอาจจะ 6 เดือนถึง 1 ปี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ ถ้ารัฐบาลยังคิดว่าการกุมเสียงข้างมากเป็นความชอบธรรม แล้วดึงดันจัดตั้งรัฐบาลในลักษณะนี้ คิดว่าท้าทายความรู้สึกของประชาชน ยิ่งตัวบุคคล ที่คาดหวังให้เป็นนายกฯ คือนายสมัครน่าเป็นห่วง คงไม่สามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ รับไม่ได้ผสมพันธุ์ พปช. เมื่อถามว่าสูตรที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เสนอให้พรรคพลังประชาชนกับพรรคประชาธิปัตย์ร่วมมือกัน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า คงเป็นไปได้ยาก เพราะเราคงไม่สามารถแบกรับภาระในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของพรรคพลังประชาชนได้ แต่หากทุกพรรคร่วมมือกันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่า มีแนวโน้มที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนไม่สนับสนุนนายสมัคร แล้วจะมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่แน่ เพราะ ส.ส.พรรคพลังประชาชนจำนวนหนึ่งอึดอัดใจกับท่าทีของพรรคที่จะส่งนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ก็มีมาคุยกับตนแต่การมาร่วมกันหรือไม่เขาก็ต้องตัดสินใจเอง เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเหมาะสม อีกด้านหนึ่งที่กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบและได้รับมอบหมายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน กล่าวถึงการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ตนได้เรียนนายสมชาย วงศ์ สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษา ธิการว่า ตามที่ได้ประเมินสถานการณ์ก็มีความเหมาะสมที่จะยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ กทม. เนื่องจากมีผลกระทบต่อสังคมและด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อที่ 1. ที่ห้ามชุมนุม กันเกิน 5 คน เมื่อถามว่า เมื่อประกาศยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินแล้ว จะมีกฎหมายใดมารองรับ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ตำรวจและทางทหารประเมินว่า กฎหมายปกติสามารถดูแลสถานการณ์ได้ โดย ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร้องขอให้ทหารเป็นผู้ช่วย เจ้าพนักงานก็น่าจะควบคุมสถานการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่หากสถานการณ์รุนแรงอีก การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกครั้งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล “ป๊อก”เห็นด้วยรัฐบาลแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวถามว่า ความคืบหน้าการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เราอยากให้สังคมหลีกเลี่ยงการปะทะกัน หรือยืนกรานที่จะทำความต้องการของพวกตัวเองอย่างเดียว ทราบว่ามีการดำเนินการตามลำดับขั้น ปัจจัยที่จะเกิดความวุ่นวายเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้น อยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาล ทำให้การเจรจาลดความสำคัญลงไป เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งอยากได้นายกฯ แบบใด ผบ.ทบ.กล่าวว่า ต้องเป็นคนที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ความขัดแย้งต้องหมดไปและมีทางออกให้สังคมผ่านวิกฤติไปได้ เมื่อถามว่า พรรคพลังประชาชนควรเสนอใครเป็นนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ใครก็ได้ที่ทำให้สถานการณ์และสังคมดีขึ้น เมื่อถามถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นได้ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี ซึ่งนักการเมืองต้องเสียสละ 6 พรรคจับมือแน่นตั้งรัฐบาล วันเดียวกันที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 6 พรรคร่วมรัฐบาลได้หารือเป็นการภายในถึงการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังตัวแทนทั้ง 6 พรรคได้ร่วมกันแถลงข่าวโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกฯ ในฐานะตัวแทนพรรคพลังประชาชนกล่าวว่า 6 พรรคยืนยันที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน และมอบหมายให้พรรคพลังประชาชนเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ เมื่อได้รายชื่อแล้วจะประสานไปยังแต่ละพรรค เพื่อให้มีมติก่อนประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯ ในวันที่ 12 ก.ย. นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน ในฐานะตัวแทนพรรคประชาราช กล่าวว่า พร้อมร่วมรัฐบาล เชื่อว่าพรรคพลังประชาชนจะคัดบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯโดยฟังเสียงประชาชน ชท.ขอดูรายชื่อนายกฯ ก่อน นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า พรรคไม่ได้ยึดตัวบุคคลแต่ยึดระบบในระบอบประชาธิปไตย และพรรคให้การสนับสนุนพรรคพลังประชาชน รวมทั้งเคารพสิทธิในการเสนอชื่อนายกฯ ของพรรคพลังประชาชนด้วย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว. เกษตรฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าว ว่า บุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ ควรจะเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสม สามารถที่จะคลี่คลายปัญหาของประเทศได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเสนอชื่อนายสมัครพรรคชาติไทยรับได้หรือไม่ นาย สมศักดิ์กล่าวว่า ต้องรอข้อสรุปก่อนว่าพรรคพลังประชาชนเสนอใครจะรับได้หรือไม่ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมพรรคอีกครั้ง “เหวียง” รับใครก็ได้ใน พปช. พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวว่า ขอยืนยันหลักการและความชอบธรรมคือ พรรคที่ได้เสียงข้าง มากจะต้องเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ตนมีความรู้สึกคล้ายนายสมศักดิ์ว่าก็คงจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ นายกฯ จะเป็นใครก็ได้ในพรรคพลังประชาชน ด้าน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า พรรคจับมือร่วมเป็นรัฐบาล คิดว่าพรรคพลังประชาชนคงคัดสรรคนที่บ้านเมืองยอมรับและแก้วิกฤติบ้านเมืองได้ พรรคจะประชุมอีกครั้งหลังจากได้รับรายชื่อนายกฯ ที่พรรคพลังประชาชนเสนอมา ถ้าผิดข้อตกลงต้องคุยกันใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ 6 พรรคจะเปิดแถลงร่วมกันถึงการจัดตั้งรัฐบาล 4 พรรคร่วมประกอบด้วย พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคประชาราช ได้หารือกันที่ห้องอาหารจีน โรงแรมพลาซ่าแอท ธินี โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ภายหลัง พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ว่า พวกเราได้ตกลงที่จะร่วมมือกันแก้วิกฤติของประเทศ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่า คนที่จะมาเป็นนายกฯ ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหายหรือซ้ำเติมเข้าไปอีก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเราต้องมาคุยกันอีกครั้ง “หมัก” คนรักแมวประกาศสู้ต่อ สำหรับความเคลื่อนไหวของนายสมัคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้านพัก โดยมีบุคคลที่เคารพนับถือเดินทางเข้าพบและให้กำลังใจ จนกระทั่งเวลา 10.45 น. จึงได้เดินทางออกจากบ้านด้วยรถยนต์เลกซัสสีทอง ทะเบียน 7ศ 3929 เมื่อเห็นมีรถผู้สื่อข่าวติดตามก็ได้ตัดสินใจมายังรัฐสภาเพื่อเซ็นชื่อและเดินทางกลับออกมาทันที โดยไม่ยอมตอบคำถาม ใด ๆ ทั้งสิ้น ก่อนที่จะขึ้นรถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลย่านพระราม 2 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบแพทย์นายสมัครได้กลับมายังบ้านพัก เพื่อรอหารือกับตัวแทนของพรรคพลังประชาชน จนกระทั่งเวลา 13.30 น. ตัวแทนพรรคได้เข้าพบเป็นเวลา 40 นาที ภายหลังนายทรงศักดิ์ ทองศรี รักษาการ รมช.คมนาคม กล่าวว่า ได้นำมติพรรคมาหารือ นายสมัครก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะสู้ต่อเพื่อปกป้องประชาธิปไตย และพร้อมรับมรสุมที่จะเกิดขึ้น ส่วนคดีความต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต ลั่นพร้อมฟันฝ่าอุปสรรค เมื่อถามว่า นายยงยุทธติดใจอะไรหรือไม่ที่นายสมัครประกาศสู้ต่อ นายทรงศักดิ์กล่าวว่า นายยงยุทธอธิบายความห่วงใยให้รับทราบ แต่นายสมัครก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรค เท่าที่เห็นท่านมีกำลังใจดี เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินภาพรวมและกระแสต่าง ๆ ที่จะเกิด ผลกระทบตามมาหรือไม่ นายทรงศักดิ์กล่าวว่ากระแสต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่กระแสที่แท้จริง ของประชาชน ผู้สื่อข่าวแย้งว่า หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล บางคนไม่อยากให้เสนอชื่อนายสมัคร นายทรงศักดิ์กล่าวว่า เป็นเพียงความเห็น แกนนำของพรรคคงจะไปแจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลทราบ ว่าไม่มีการเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ สำรองแทนนายสมัคร เมื่อถามว่า กลัวหรือไม่ว่าในการโหวตเลือกนายกฯ ส.ส.ของพรรคจะมีการแหกมติเกิดขึ้น นายทรงศักดิ์กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกฯ ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.แต่ระบบพรรคเมื่อมีมติสมาชิกต้องรับฟัง ให้สภาเป็นคนตัดสินใจ ด้านนายสุทิน คลังแสง รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวเสริมว่า นายสมัครบอกว่าทั้งหมดอยู่ที่สภา ถ้าสภาเห็นว่าเหมาะสมและ มีมติเลือกเป็นนายกฯ ท่านก็พร้อมรับตำแหน่ง แต่ถ้าสภาบอกว่าไม่เหมาะสมท่านก็ไม่รับตำแหน่ง ส่วนตัวท่านก็บอกว่าพร้อม ท่านบอกว่าต้องการรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ ให้สภาเป็นคนตัดสินดีที่สุด ต่อข้อถามว่า เกรงว่าจะเกิดวิกฤติซ้ำหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่ว่านายสมัครจะอยู่หรือไม่อยู่มันก็เกิดวิกฤติอยู่ดี เพราะดูเงื่อนไขแล้วไม่ว่าจะเป็นนายสมัครหรือคนอื่นเขาก็ไม่รับ เมื่อถามว่า ได้มีการหารือเรื่องคดีหมิ่นประมาท ที่จะมีการตัดสินในวันที่ 25 ก.ย. หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ท่านมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น พรรคมอบหมายให้ นพ.สุรพงษ์ไปหารือ เบื้องต้นพรรคร่วมยังยืนยันที่จะทำงานร่วมกัน ชัดเจนรับเป็นนายกฯ รอบ 2 แหล่งข่าวจากคณะผู้เข้าเจรจากับนายสมัครเปิดเผยว่า นายสมัครได้กล่าวกับคณะทำงานว่า ไม่คาดคิดว่าจะต้องพ้นจากตำแหน่งจากคำตัดสินของศาล ด้วยข้อกล่าวหาเล็กน้อย ต่อไปก็เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่จะยังยืนยันฝ่ายบริหารอีกรอบหรือไม่ ตนพร้อมที่จะรักษาระบบ และประชาธิปไตย ส่วนข้อห่วงใยในวันที่ 25 ก.ย. ที่ศาลอุทธรณ์จะตัดสินคดีหมิ่นประมาท ก็หวังว่าจะไม่ทำอะไรนอกลู่นอกรอยอย่างที่คนกลัว เพราะประชาชนให้ความสนใจดูอยู่ อย่างไรก็ตาม หากเกิดอะไรขึ้นสังคมจะได้เรียนรู้และเป็นกรณีศึกษาร่วมกัน อะไรจะเกิดก็ให้เกิด แหล่งข่าวแจ้งอีกว่า นายสมัครยังกล่าวขอบคุณที่พรรคยังยืนยันรักษาระบบและวัฒนธรรมองค์กรที่ดีเอาไว้ ส่วนจะมีคนคัดค้านบ้างก็เป็นธรรมดา ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ตนจะพยายามฝ่าฟันอุปสรรคทุกด้าน จะอยู่ยาวที่สุดเท่าที่จะอยู่ได้ เรื่องยุบสภาไม่คิด ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลก็สบายใจ โดยหลักการเชื่อว่าทุกคนอยากทำงานให้เป็นมรรคเป็นผล วันนี้ที่มาถามตนอย่างนี้ก็ดีแล้วเป็นแบบอย่างที่ดีงาม ถ้าไม่มาถามแต่มีมติอะไรออกไป เกิดตนไม่รับก็จะหน้าแตกไปหมด ส่วนความเป็นห่วงเรื่องปัญหาความรุนแรง เขาเตรียมจะเอาเราอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ตนก็มีอยู่แล้ว จับตาโหวตมีงูเห่ารอบ 2 “เมื่อนายสมัครตัดสินใจอย่างนี้ ไม่แน่ใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะเอาด้วยหรือไม่ เพราะการกลับมาอีกครั้งของนายสมัครจะเร่งให้เกิดความรุนแรงยิ่งขึ้น หรือบางครั้งนายสมัครต้องการกลับมาเพื่อยุบสภาเลือกตั้งใหม่ โดยหวังว่าจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม ซึ่งเป็นการตอกย้ำความชอบธรรมของตัวเอง แต่พรรคร่วมรัฐบาลขนาดกลางและเล็กยังไม่พร้อมเลือกตั้ง อาจไม่ยอมให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง และอาจเกิดเหตุการณ์พลิกผันกลายเป็นตำนานงูเห่ารอบ 2” แหล่งข่าวระบุ แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า เหตุผลที่จะทำให้เกิดตำนานงูเห่ารอบ 2 เพราะว่าที่ผ่านมา 7 เดือนได้พิสูจน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เห็นแล้วว่า การดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของตัวเองดีขึ้น มิหนำซ้ำยังทำให้ย่ำแย่กว่าเดิม ขณะที่คนรอบข้างนายสมัครกลับเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ จึงต้องการเปลี่ยนตัวนายกฯที่เป็นบุคคลที่สามารถให้ความเป็นธรรมและประสานได้กับทุกฝ่าย ดังนั้นนายกฯคนต่อไปอาจกลายเป็นบุคคลนอกพรรค เพื่อลดแรงกดดันที่พุ่งตรงไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณ 100 ส.ส.ขู่รวมพลังค้าน นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ในฐานะแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรคทั้งภาคเหนือ อีสานตอนบน ภาคกลางบางส่วน ประมาณ 100 คนจะรวมตัวกันเพื่อแจ้งจุดยืนของกลุ่ม ว่าจะไม่ยกมือโหวตรับนายสมัครเป็นนายกฯอีกครั้งแน่นอน เพราะเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่เหมาะสมที่นายสมัครจะเป็นนายกฯ หากจะอ้างมติพรรคหรือลงโทษ ส.ส.ที่ยกมือสวนโหวต เราก็จะแย้งว่า ส.ส. มีเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ นายไพจิตกล่าวต่อว่า เมื่อศาลรัฐธรรม นูญวินิจฉัยแล้วก็ควรเคารพ จึงเห็นว่าควรเสนอชื่อให้คนอื่นมาเป็นนายกฯ หากยังเสนอชื่อนายสมัครเข้ามาอีก เราก็จะขอให้ประธานสภา เลื่อนการพิจารณาออกไป หรือโหวตสวนไปอีกทางหนึ่ง หรืองดออกเสียง ด้านนายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะ ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา แต่ยังมี ส.ส.กลุ่มอื่นที่มีแนวโน้มว่าจะไม่ยอมรับ นายสมัคร ส่วนกลุ่ม ส.ส.ที่สนับสนุนนายสมัครมีกลุ่มเพื่อนเนวิน ซึ่งเป็น ส.ส.กลุ่มน้อย และหากขู่ว่าจะลงโทษที่สวนมติพรรค ทางกลุ่มก็จะเสนอว่ากลุ่มที่สนับสนุนนายสมัครซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยควรจะออกจากพรรคไปแทน นักธุรกิจยี้ถ้ากลับมาอีก ทางด้านความเห็นของนักธุรกิจกรณีนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง นายเจริญ วังอนานนท์ โฆษกสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) กล่าวว่า นายสมัครน่าจะขาดจริยธรรมไปแล้ว เพราะมีเรื่องการปลอมเอกสารจนถูกศาลตัดสินให้มีความผิด จึงไม่น่าจะกลับเข้ามานั่งตำแหน่งได้อีก ควรจะเสียสละเพื่อส่วนรวม หาก เลือกกลับมารับตำแหน่งใหม่ เท่ากับว่าผู้ลงคะแนน เสียงให้ไร้จริยธรรมมาก นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานหอการค้าไทย เปิดเผยว่า นายกฯ ใหม่ต้องมีคุณสมบัติ 5 ประการ คือ ซื่อสัตย์ มีจริยธรรม มีความเป็นผู้นำที่ดี มีความรู้ความสามารถบริหารงานโปร่งใส มีความเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนถูกต้องด้วยตัวเอง นอกจากนี้ เมื่อรับตำแหน่ง ต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทันที เพื่อระงับความ เสียหายเศรษฐกิจของชาติ หมอดูชี้ “มาร์ค”ดวงไม่เด่น นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล หมอดูชื่อดังกล่าวว่า หากดึงดันที่จะให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง กงล้อประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม อาจถึงขั้นอยู่ประเทศไทยไม่ได้ ควรเปลี่ยนคนดวงดีเข้ามาดูแลจะดีกว่า นายกฯคนใหม่ต้องเป็นคนดวงดีจริง ๆ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายประสานได้ทุกทิศ อย่างไรก็ตาม ดวงของนายอภิสิทธิ์ก็ยังไม่เด่นพอที่จะรับปัญหาหนัก ๆ ได้ ควรจะรักษาเนื้อรักษาตัวไปก่อน อีก 2 ปีจึงจะดีมาก น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ พร้อมด้วย ส.ว.จำนวนหนึ่งร่วมแถลงข่าวว่า คุณ สมบัติ 7 ประการ ของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมือง ประกอบด้วย 1. ต้องมีความอดทน ตั้งใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยยึดหลักสันติวิธี 2.มีจิตสำนึก ซื่อสัตย์ และบริหารงานอย่างมี ธรรมาภิบาล ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ 3.จะต้องเป็นผู้ที่ทำให้ประชาชนเกิดความไว้วางใจ และมีเสถียรภาพ 4.ไม่เป็นผู้สร้างเงื่อนไขใน การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย จนนำไปสู่ความแตกแยก 5.จะต้องมาจากระบบรัฐสภา 6.มีวิสัยทัศน์ในการปฏิรูปการเมือง ใจกว้าง และพร้อมรับฟังความคิดเห็น และ 7.เปิดโอกาสให้ประชาชน สื่อมวลชน และองค์กรต่าง ๆ สามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้โดยไม่ถูกครอบงำ โพลชี้คนเชียร์ “หมอเลี้ยบ” ด้านเอแบคโพลได้สำรวจความเห็นของประชาชนใน 18 จังหวัดจำนวน 2,975 คน เรื่อง “อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนต่อสถานการณ์การเมือง ภายหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจ ฉัยให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” พบว่า ความเชื่อมั่นใจกระบวนการยุติธรรมที่ให้นายกฯมีความผิดและพ้นจากตำแหน่ง 70.3% เชื่อมั่น 29.7% ไม่เชื่อมั่น ส่วนความหวังว่าประเทศชาติจะสงบสุขหลังคำพิพากษา 64.0% มีความหวัง 36.0% ไม่มีความหวัง ส่วนทางออกของปัญหาการเมืองเวลานี้ เลือกตั้งใหม่ 68.1% พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว 54.2% รัฐบาลลาออกทั้งคณะ 53.6% ส่วนบุคคลใดในพรรคพลังประชาชนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็น นายกฯ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี 53.8% นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ 24.3% นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 12.4% นักวิชาการจี้พรรคร่วมเสียสละ อีกด้านหนึ่งที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะนักวิชาการได้ร่วมสัมมนา เรื่อง “ประชาธิปไตยไทยจะไปรอดได้อย่างไร” โดย นายพอพันธ์ วัชจิตพันธ์ ประธานสภาคณาจารย์ จุฬาฯ กล่าวว่า ขณะนี้เราอยู่ในภาวะไม่ปกติ พรรค ร่วมรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบและเสียสละ ในส่วนของศาลต้องเร่งสะสางคดีเกี่ยวกับนักการเมืองให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว อยากให้มีรัฐบาลแห่งชาติหรือสภาที่ปูทางไปสู่การปฏิรูปการเมือง ดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม นายไพโรจน์ พลเพชร ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) กล่าวว่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการนำพาประชาชนให้ฆ่ากันเอง ปลุกระดมความเกลียด ชังให้กับประชาชน 2 ฝ่าย เพื่อให้บรรลุถึงชัยชนะของผู้นำ ทั้งที่บ้านเมืองนี้ไม่ได้เป็นของรัฐบาลหรือพันธมิตรฯ จึงขอเรียกร้องรัฐบาลและพันธมิตรฯ ว่า อย่าใช้สื่อเป็นเครื่องมือปลุกความเกลียดชัง 6 พรรค อย่าเลือกวิถีทางที่นำไปสู่การเผชิญหน้า ฝ่ายพันธมิตรฯ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แถลงการณ์จุดยืน 5 ข้อ นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ประชาธิปไตยของไทยกำลังเข้าสู่ระบบเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เรามีผู้อยากดำรงตำแหน่งทางการเมืองมากมาย แต่ไม่มีใครเลยที่มีภาวะผู้นำ ผู้นำที่ดีต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ต้องไม่เล่นกับความดีและความหวัง ของประชาชนแล้วยึดอำนาจปกครอง โดยอ้างประชามติเสียงข้างมาก ผู้นำที่ดีในประชาธิปไตยเสียงข้างมากต้องมีความสามารถในการต่อรอง ไม่อ้างเสียงส่วนใหญ่ 12 ล้านเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนว่า 1. คัดค้านการเสนอชื่อบุคคลที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าพ้นสภาพความเป็นนายกฯไปแล้วกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง 2. การคัดสรรและเสนอชื่อผู้นำประเทศ ต้องหลีกเลี่ยง การเผชิญหน้ามากขึ้น 3. กระบวนการตัดสินใจ ต้องรับฟังความเห็นของสาธารณชน 4. ทุกฝ่ายต้องเคารพกฎหมายและเจตนารมณ์ที่แท้จริงของกฎหมาย ในกรณีที่ทางสภาไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองได้ ให้รัฐบาลตัดสินใจคืนอำนาจให้ประชาชน 5. รัฐบาลควรใช้สื่อของรัฐเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และยุติการใช้สื่อเพื่อให้เกิดความแตกแยกขึ้นในชาติ “หมัก” ประกาศ “กามิกาเซ่” ต่อมาเวลา 19.00 น.พรรคพลังประชาชนได้เรียกประชุม ส.ส.อีกครั้ง โดยนายสมัครได้เข้าร่วมประชุมด้วย ภายหลังการประชุม ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรค กล่าวว่า นายสมัครยืนยันความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่จะกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง ตามที่พรรคมีมติสนับสนุน โดยให้เหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ว่า ภารกิจหน้าที่สำคัญคือทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน และมีภารกิจที่ต้องต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตยต่อไป จึงต้องยืนหยัดรักษาระบอบให้ได้ เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีปัญหา เพราะยึดถือคติว่า ความกลัวทำให้เสื่อม และอำนาจนิติบัญญัติจะต้องไม่ถูกทำลาย ซึ่งในการโหวตพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมโหวตในแนวทางเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมสภาฯ วันที่ 12 ก.ย.เพื่อโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงให้รอรับที่สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เวลา 14.00 น. เพื่อนำรายชื่อนายกฯ คนใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ ในวันเดียวกันทันที ไม่มีใครเหมาะสมกว่านี้แล้ว แหล่งข่าวแจ้งว่า นายสมัครได้กล่าวกับสมาชิกพรรคว่า ตอนแรกผมอยากวางเฉยแต่มีพวกเราไปเจรจาที่บ้านขอให้รับมติพรรค จึงต้องรักษาระบบและประชาธิปไตยไว้ จะปล่อยไปตามการเรียกร้องของคนข้างถนนไม่ได้ อะไรจะเกิด ก็ไม่ต้องห่วงตนและครอบครัว อย่างวันที่ 25 ก.ย. ตนก็จะประกันและฎีกา คนธรรมดายังสู้ถึง 3 ศาล วันนี้ที่ผมโดนเพราะเขายังคิดว่าโยงใยกับอดีตหัวหน้าพรรค จึงต้องสู้เพื่อรักษาประชาธิปไตยไว้ ถ้าศาลไม่ให้ประกันติดคุกก็ว่ากันไป ยืนยันว่าตนจะสู้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ รักษา การ กล่าวว่า 2-3 วัน มีข่าวว่าตนจะแย่งตำแหน่งยืนยันว่าไม่จริง ตอนนี้นายสมัครเหมาะสมที่สุด ยากที่ใครจะขึ้นมาแทนได้ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะปลิวไปเลย นายไพจิตกล่าวยืนยันว่า กลุ่มตนจะไม่หนุนนายสมัครเป็นนายกฯ เห็นควรให้เป็นคนอื่นเพื่อลดการเผชิญหน้า โดยจะใช้การโหวตสวนหรืองดออกเสียง 4 พรรคร่วมเตรียมแปรพักตร์ รายงานข่าวจากพรรคเพื่อแผ่นดินแจ้งว่า ภายหลังทราบข่าวนายสมัครประกาศเดินหน้ารับตำแหน่งนายกฯ อีกครั้ง ถ้าเสนอชื่อนายสมัครมาจริงก็มั่นใจว่าการลงมติในวันที่ 12 ก.ย. จะเห็นการสลับขั้วทันที แต่ถ้าเสนอชื่อบุคคลอื่นมาพรรคร่วมก็พร้อมจะเทคะแนนหนุนเช่นเดิม ขณะนี้มีเพียงพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาเท่านั้นที่ไม่ติดใจว่า พรรคพลังประชาชนจะเสนอชื่อนายสมัครหรือไม่ รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ถ้าเลือกนายสมัครเชื่อว่าจะทำให้ประเทศชาติไม่มีทางออก และเกรงว่าพันธมิตรฯ จะมาปิดล้อมรัฐสภาในวันที่ 12 ก.ย. สุดท้ายอาจทำให้ทหารตำรวจต้องออกมาจนเกิดการนองเลือดได้ จึงต้องขอร้องให้พรรคพลังประชาชนทบทวน ผสมพันธุ์ ปชป.ตั้งรัฐบาล รายงานข่าวระบุอีกว่า 4 พรรคร่วมยกเว้นพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาได้ติดต่อกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ไว้เรียบร้อยแล้วว่า หากพลังประชาชนยังดึงดันที่จะเสนอชื่อนายสมัคร 4 พรรคร่วมจะโหวตสวนให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯทันที แม้สูตรจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ จะมีตัวเสียงปริ่มน้ำก็ต้องยอมเพื่อไม่ให้บ้านเมืองวิกฤติไปมากกว่านี้ “เบื้องต้นได้คำนวณสูตรตัวเลขไว้คร่าว ๆ คือ ประชาธิปัตย์ 164 เสียง ชาติไทย 34 เสียง เพื่อแผ่นดิน 21 เสียง เนื่องจากอีก 3 เสียงในกลุ่มบ้านริมน้ำของนายสุชาติ ตันเจริญ ไม่เห็นด้วยที่จะไปรวมกับพรรคประชาธิปัตย์ มัชฌิมาธิปไตย 11 เสียง และประชาราช 5 เสียง และคาดว่าจะมีเสียงจาก ส.ส. อีสานส่วนหนึ่งของพรรคพลังประชาชนประมาณ 30 เสียงที่จะหันมาโหวตสวนทางด้วย ปชป.ตั้งวอร์รูมรอส้มหล่น แหล่งข่าวในพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคได้เจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล โดย พล.ต. สนั่นได้ติดต่อประสานผ่านมายังนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา เพื่อเตรียมจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์ และสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ซึ่ง พล.ต.สนั่นได้เจรจากับพรรคร่วมรัฐ บาล 5 พรรค และกลุ่ม ส.ส.ภาคเหนือและภาคกลางของพรรคพลังประชาชนประมาณ 30 คนแล้ว เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการที่นายสมัครจะ ลงชิงตำแหน่งนายกฯ อีกครั้ง เพราะเกรงว่าจะทำให้วิกฤติการเมืองและเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่ย่ำแย่ลง แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า พรรคได้ประเมิน ว่ามีความเป็นไปได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ที่เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตามสถานการณ์อาจจะลงเอยได้หลายรูปแบบ ถ้าฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถตกลงกันได้ อาจทำให้ต้องเลื่อนการลงมติไปเป็นวันที่ 15 ก.ย.แทน หรืออาจจะให้นายสมชายประกาศยุบสภา เพื่อล้างกระดานใหม่หมด.
นายประสพโชติ ปรีชาวรพิชญ์
5131601387 sec.02
1 ความคิดเห็น:
ฝากด้วยนะ ค๊ http://may-memory.blogspot.com/
จะขอบคุนมาก ค๊
แสดงความคิดเห็น