ใครสมควรเป็นนายกของพวกเรา?

นายกสมควรลาออกหรือไม่

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

ประสพสุขรับบทกาวใจปลดชนวนถก 2 ฝ่ายแนวโน้ม'บวก'

ประสพสุขรับบทกาวใจปลดชนวนถก 2 ฝ่ายแนวโน้ม'บวก'
พปช.เปิดเวที ตจว.ปลุกเร้า'พลังเงียบ'พายุถล่มทำเนียบฯกระหึ่ม'ลางดี-ร้าย' ฝนกระหน่ำทำเนียบรัฐบาล ลูกเห็บตก-ไฟฟ้าดับชั่วโมงเศษ-เวทีพัง-น้ำท่วม-ตัวเงินตัวทองโผล่ถึง 2 ตัวจนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ผู้ชุมนุม และบางคนก็เดินออกจากทำเนียบ ขณะที่ 3 แกนนำฝ่ายนิติบัญญัติ ร่วมประชุมแก้วิกฤตพันธมิตร มอบประธานวุฒิสภา เป็นกาวใจเจรจาให้ทั้งสองฝ่ายมาคุยกัน ด้าน “ประสพสุข” เริ่มงานทันที เผยผลตอบรับเป็นบวกเชื่อยุติปัญหาได้โดยเร็ว เที่ยงวันจันทร์จะนำผลมาหารือกัน ส่วนคดียิงนักศึกษารามคำแหงเจ็บ 2 คน ตำรวจตั้ง 4 ประเด็น “ขัดแย้งกันเอง, ผิดใจกันในขบวน, ชาวบ้านรำคาญ และประเด็นการเมือง” เตรียมนำ นศ.ที่เห็นมือปืนไปสเกตช์ภาพ ขณะที่ขบวนนักศึกษากว่า 200 คน ตระเวนทั่วกรุงไล่รัฐบาล รวมทั้งหน้า สตช.อ้างขอความเป็นธรรมให้นักศึกษาที่ถูกยิง ด้านพันธมิตรฯ ยังแผ่นเสียงตกร่อง สมัครต้องลาออก จี้เร่งหามือปืนยิงนักศึกษาให้ได้ใน 2 สัปดาห์ ส่วนสำนักข่าวเอพี ประโคมข่าว ทำเนียบรัฐบาล สถาปัตยกรรม สไตล์โกธิค กลายเป็นค่ายผู้ลี้ภัย-สนามเด็กเล่นประจำหมู่บ้าน มีอาบน้ำกลางแจ้ง-ทำราวตากผ้า “ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา” ยังเป็นคำยืนยันของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต่อการเสนอแก้ไขปัญหาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกลุ่มนักศึกษารามคำแหง เดินแถวมุ่งหน้าไปบ้าน นายสมัคร ย่านนวมินทร์ถูกมือปืนขี่รถ จยย.กระหน่ำยิงบาดเจ็บไป 2 คนเป็นประเด็นให้กลุ่มนักศึกษา แสดงความไม่พอใจและตั้งเงื่อนไขให้กับรัฐบาลเพิ่มเข้ามาอีก
นายกฯเผด็จการสมบูรณ์แบบ ความคืบหน้า ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ก.ย. ที่ห้องสื่อมวลชน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ แถลง ข่าวถึงผลการประชุม ครม.นัดพิเศษเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยังคงประกาศเดินหน้าบริหารประเทศต่อไป ภายหลังการใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า เป็นการดำเนินการที่เป็นเผด็จการสมบูรณ์แบบ การที่นายกฯ ยึดอำนาจมาไว้ที่ตัวเองเพียงคนเดียว ทั้งที่ไม่มีความสามารถที่จะบริหารราชการแผ่นดินได้แล้ว แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายกฯ ไม่ไว้ใจทหารทั้งที่ตัวเองก็มีตำแหน่งเป็น รมว.กลาโหม ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุการณ์ที่มีนักศึกษารามคำแหงโดนยิง ระหว่างเดินทางไปชุมนุมที่หน้าบ้านนายกฯ นายสมศักดิ์กล่าวว่า การที่นายตำรวจ ชั้นผู้ใหญ่ระบุว่าการกระทำดังกล่าวเกิดจากชาวบ้านเกิดความรำคาญ จึงใช้ปืนยิงนั้น เป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากยังไม่มีการสืบสวนสอบสวนว่าผู้ขี่รถจักรยานยนต์และสวมหมวกกันน็อกแล้วใช้ปืนยิงนั้นเป็นใคร จึงไม่สมควรออกมาพูดก่อน สถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นความโหดเหี้ยมในยุครัฐบาลของนายสมัคร ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้น จากนี้จะต้องมีการผลักดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวมาลงโทษให้ได้ ซึ่งการที่นักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นแนวคิดของกลุ่มนักศึกษาเอง ไม่มีใครไปแทรกแซงแนะนำ แต่มาตรงกับความคิดของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตาม คนร้ายที่ก่อเหตุคงเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา ทั้งนี้หากใน 2 สัปดาห์เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ คิดว่าน่าจะมีกลุ่มนักศึกษาออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวมากขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์เพื่อเอาชีวิตเด็ก แต่ผลที่ตามมาจะเป็นตัวเร่งและยิ่งทำให้อายุของรัฐบาลชุดนี้สั้นลง
การต่อสู้จะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ นายสมัครออกมาพูดผ่านรายการวิทยุว่าจะไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง นายสมศักดิ์กล่าวว่า ทราบมาก่อนแล้วว่าเขาจะไม่ลาออก แต่ไม่นึกว่านายสมัครจะออกมาพูดในเนื้อหาแบบเดียวกับในรายการสนทนาประสาสมัคร ซึ่งเดิมทางผู้ชุมนุมคิดว่านายสมัครคงจะประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เนื่องจากทุกคนรู้ธาตุแท้ของนายสมัครอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศจะชุมนุมให้เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ นายสมศักดิ์กล่าวว่า คนหน้าด้านอย่างไรก็คงไม่ยอมออก สำหรับด้านจิตวิทยามวลชน และวิธีการแนวทางการต่อสู้ จะต้องเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ หากเรายังชุมนุมกันอยู่อย่างนี้จะเป็นการเรียกแขก ซึ่งอาจกระทบกับประชาชนส่วนอื่นบ้าง แต่ประชาชนทั่วไปก็ พยายามหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ ตอนนี้รัฐบาลกำลังใช้วิธีการยืดเยื้อ เมื่อถามถึงรัฐบาลเดินหน้าจะทำประชามติวัดใจประชาชน นายสมศักดิ์กล่าวว่า คงทำไม่ได้ เพราะจะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 เพราะขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายออกมาบังคับใช้ และเชื่อว่ารัฐบาลคงยังไม่ออกมารณรงค์ใด ๆ
ไม่อนุญาต จนท.เข้าทำเนียบ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลจะขอเข้ามาเก็บเอกสารแต่ไม่สามารถทำได้ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบเข้ามาเก็บเอกสารใด ๆ เพราะเกรงว่าจะมีการเก็บเอกสารทางงบประมาณออกไป เพื่อเตรียมใช้เป็นท่อน้ำเลี้ยงในการเลือกตั้งใหม่หากมีการยุบสภา ส่วนเอกสารในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาเก็บเอกสารไปหมด แล้วตั้งแต่วันแรกที่เราเข้ามาชุมนุม เมื่อถามว่าการเข้ามาชุมนุมในทำเนียบของคนจำนวนมากทำให้ปลาตายเกลื่อน นายสมศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า มีปลาตายมากจริง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทำเนียบก็คงทราบ หากเขาจะเข้ามาแก้ไขก็ทำได้แต่เขาไม่ทำ เหมือนต้องการจะให้ปลาตาย แต่ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) แล้ว ให้เข้ามาเปิดน้ำพุและกังหันน้ำเพื่อเติมออกซิเจน
“เจ๊ปอง”อารมณ์บูดโวยผู้ชุมนุม ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง บรรยากาศยังเป็นไปอย่างเงียบเหงา ผู้ชุมนุมได้พักผ่อนอยู่ตามตัวอาคาร และพุ่มไม้เพื่อหลบแดด โดยผู้ชุมนุมได้แยกย้ายกันทำภารกิจส่วนตัว ขณะที่พิธีกรบนเวทีโดย น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ ได้ประกาศต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมด้วยถ้อยคำรุนแรง โดยขอให้ผู้ชุมนุมหญิงช่วยกันรักษาความสะอาดห้องน้ำห้องท่า เพราะที่ผ่านมาห้องน้ำหญิงสกปรกมาก มีการทิ้งขยะกันเกลื่อน ต่อไปนี้ขอให้ทิ้งลงในถุงสีดำที่เตรียมไว้ให้ ส่วนผู้ชุมนุมที่ชอบมาขอลายเซ็นแกนนำ ขอให้กลับไปอยู่ที่บ้านเฉย ๆ ไม่ต้องมาชุมนุมที่นี่”
“วีระ”อ้างมท.เกณฑ์ อปท.ร่วม เวลา 11.30 น. นายวีระ สมความคิด ปราศรัยบนเวทีว่า แม้นายสมัครจะลาออกหรือยุบสภา พวกเราก็ยังพอใจไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่สามารถถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ ล่าสุดมีข่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งไปยังนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ให้เกณฑ์คนมาชุมนุมเพื่อประท้วงกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่า หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดสามารถเกณฑ์คนมาช่วยกันจัดการกับม็อบพันธ มิตรฯ ได้ ก็จะแก้กฎหมายว่าด้วยการดำรงตำแหน่ง ของนายก อบจ. อบต. และนายกเทศบาลจากเดิมที่กำหนดให้ลงสมัครได้ไม่เกิน 2 วาระเป็นตลอดชีวิต ถือเป็นการทำทุกวิถีทางเป็นระบอบการเมืองแบบผูกขาดที่ระบอบทักษิณทำกับบ้านเมือง
“ศิริชัย”อ้างเริ่มปิดไฟฟ้า-ประปา ด้านนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวปราศรัยว่า วันนี้ทุกสหภาพยังเอาจริงเอาจังกับมาตรการที่ได้ประกาศออกไป ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ก.ย. กรมประชาสัมพันธ์ที่ข้าราชการทำเนียบรัฐบาล ไปนั่งทำงานก็มีปฏิบัติการไฟฟ้าดับ 3 ชั่วโมงและเมื่อเช้าวันที่ 5 ก.ย. อาจมีน้ำไม่ไหลในบางจุด นอกจากนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้เริ่มมีไฟฟ้าดับ 30 กว่าจุด โดยเฉพาะในภาคอีสาน ภาคเหนือ ส่วนการรถไฟก็ให้บริการเฉพาะรอบ กทม. 20% การท่าเรือได้หยุดทำงาน 100% แล้ว ส่วนการบินไทยวันนี้มีเครื่องบินดีเลย์ เพราะช่างที่ทำหน้าที่ตรวจความพร้อมของเครื่องก่อนขึ้นบินขอลาหยุดงาน บอกว่าไม่สบาย และยังฝากบอกว่าเที่ยวบินใดมีนายกฯ หรือรัฐมนตรีร่วมอยู่ด้วย เที่ยวบินนั้นขอให้ประชาชนอย่าขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าได้มีตัวแทนนักศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ขึ้นเวทีโจมตีนายสมัครเนื่องจากไม่พอใจที่กล่าวหาว่าขึ้นเวทีพันธมิตรฯเพราะความสนุก และได้เชิญชวนให้นักศึกษามาร่วมเวทีพันธมิตรฯเพื่อขับไล่รัฐบาลให้มากขึ้น
ลือ“สมัคร”ดอดเคลียร์ ผบ.ทบ. รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จะได้เดินทางเข้ากองทัพบกในเวลา 10.15 น. นั้น นายสมัครได้เดินทางเข้าไปพบ พล.อ.อนุพงษ์ ที่บ้านพักรับรองในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อพูดคุยสถานการณ์บ้านเมือง หลังจากเกิดกระแสข่าวว่าทั้งสองคนมีความขัดแย้งเกี่ยวกับความคิดเห็นในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังจากนั้นมีรายงานว่า นายสมัครได้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปทำงานที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนแจ้งวัฒนะ
กลุ่มนิสิตค้านตั้ง รบ.แห่งชาติ ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก เลขาสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย พร้อมนักศึกษากว่า 30 คนเดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมี พ.ท.ยอด วิระยะธน นายทหารเวรชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้รับจดหมายแทน โดยจดหมายมีเนื้อหาระบุว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ วางตัวเป็นกลางต่อสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้และไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ก่อรัฐประหาร ไม่ต้องการให้มีรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ไม่ต้องการ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนข้อเสนอทำประชามตินั้นเห็นด้วยที่รัฐบาลจะทำเพราะถือว่าเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ขณะที่วันเดียวกัน กลุ่มสมาพันธ์ประชาชนตรวจสอบรัฐไทย (สปท.) ได้ยื่นหนัง สือเปิดผนึกต่อ พล.อ.อนุพงษ์ โดยเรียกร้องให้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาชาติ โดยเสนอชื่อ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นประธานในการเจรจาหาบทสรุปในปัญหาขณะนี้
ยัน “สมัคร” ยังวางใจ ผบ.ทบ. ที่ศูนย์แถลงข่าวกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อเวลา 11.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รอง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมานายสมัคร ได้โทรศัพท์สั่งการให้ตนมาชี้แจงทำความเข้าใจกรณีที่เรียกประชุม ครม. นัดพิเศษและมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนมีการพาดหัวหนังสือพิมพ์ว่า นายกฯ ยึดอำนาจคืน นายกฯ ไม่ไว้วางใจ ผบ.ทบ. ทำให้ นายกฯ ไม่ค่อยสบายใจ ทั้งนี้ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนและกลไกของกฎหมาย ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาในเรื่องความไม่ไว้วางใจหรือความไม่สบายใจที่ทำงานร่วมกับผบ.ทบ. และจนถึงขณะนี้นายกฯ ได้มอบความไว้วางใจให้กับ ผบ.ทบ. โดยเชื่อมั่นว่านโยบายสันติวิธีและความเป็นทหารนักประชาธิปไตยจะสามารถ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ ถึงเวลาแล้วที่กลุ่มพันธ มิตรฯ ควรจะแถลงจุดหมายปลายทางที่ชัดเจนเสียที ส่วนที่มีการพูดกันว่ามีประชาชนมาชุมนุมกันเป็นแสนคนนั้น ขอให้ประเมินทางหลักวิทยาศาสตร์และข้อเท็จจริง เชื่อว่าทุกวันที่มีผู้ชุมนุมมากที่สุดระดมกันเต็มที่โดยเฉพาะวันที่เป่านกหวีดก็ไม่เกิน 3 หมื่นคนแน่นอน
ตำรวจเตรียมแจ้งเอาผิด พธม. ทางด้าน พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่ประสานงานกับกองทัพภาคที่ 1 เปิดเผยว่า การประสานงานและทำงานร่วมกับทางทหารนั้น เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่พบปัญหาและอุปสรรคแต่อย่างใด ส่วนการที่ทางกองทัพภาคที่ 1 จะมอบหมายให้ทางตำรวจเป็นผู้ดำเนินการไปแจ้งกับผู้ที่กระทำผิดข้อห้ามที่มีอยู่ตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ทราบว่ามีการทำผิดกฎหมายข้อใดบ้างนั้น วันนี้ ในเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการประชุมกันที่ บช.น. ก่อนที่จะมีการนัดหารือร่วมกับคณะนายทหาร ว่าจะให้ทางตำรวจดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างไร พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาการ ผบช.น. กล่าวถึงการที่แม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมมอบหมายให้ตำรวจแจ้งข้อกล่าว หากับกลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันนี้นั้น ทางตำรวจพร้อมรับคำสั่งของฝ่ายทหาร แต่ทั้งนี้ยังไม่ทราบว่าจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแก่พันธมิตรฯ ในเรื่องใดบ้าง ต้องรอการประชุมและชี้แจงของฝ่ายทหารอีกครั้ง
เตรียมสเกตช์ภาพมือยิง นศ. ด้าน พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น. 4 ได้เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มนักศึกษา ม.รามคำแหง ประกาศจะเตรียมบุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้ เพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายที่ยิงปืนใส่บริเวณแฟลตคลองจั่น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมขีดเส้นจะต้องจับคนร้ายให้ได้ภายใน 14 วันนั้น ตำรวจจะทำงานอย่างเต็มที่ กลุ่มนักศึกษาควรรอคอยไม่ควรที่จะรวมตัวกัน เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในภาวะที่ไม่เป็นปกติ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งให้นักศึกษาที่เห็นเหตุการณ์เข้าทำการสเกตช์ภาพคนร้าย 2 คน ที่ขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนแล้ว
ผู้การ 4 ชู 4 ประเด็นยิงนศ.ราม ความคืบหน้าของคดีเมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.สรรักษ์ จูสนิท ผกก.สส.บก.น. 4 พ.ต.อ.สมศักดิ์ บุญแสง ผกก.สน.ลาดพร้าว พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.สส. บก.น. 4 ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมเพื่อสรุปความคืบหน้าจากกรณีดังกล่าว หลังจากนั้น พล.ต.ต.วิมล เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นได้ตั้งไว้ 4 ประเด็น คือประเด็นแรกอาจเป็นเรื่องความขัดแย้งกันเองของแกนนำกลุ่มแต่ละกลุ่มภายในมหาวิทยาลัย 2. เกิดความขัดแย้งกันเองภายในขบวน เพราะได้ระดมพลมาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง แล้วเดินขบวนจนมาถึงแฟลตคลองจั่น ก็ได้ระดมพลเพิ่มอีก ซึ่งอาจจะเป็นตรงจุดนี้ก็เป็นได้ที่เกิดความขัดแย้งกันภายในขบวน 3. อาจจะเป็นไปได้ว่าชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากการเดินขบวนของกลุ่มนักศึกษา ทำให้เกิดความเดือดร้อน เพราะขณะที่เดินขบวนไปนั้นก็ได้ใช้เครื่องขยายเสียงส่งเสียงดัง จนชาวบ้านใกล้เคียงเกิดความรำคาญก่อนก่อเหตุดังกล่าว “สำหรับประเด็นสุดท้ายอาจจะเป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อสร้างสถานการณ์ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็ได้เรียกตัวกลุ่มนักศึกษามาสอบปากคำแล้ว 4 คน ซึ่งก็ได้ให้การว่า คนร้ายขี่รถ จยย.แบบผู้หญิง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาด้วยกัน 2 คน ก่อนใช้อาวุธปืนขนาด .22 ยิงใส่เข้ามาในกลุ่ม 3 นัด จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ นายอนุศักดิ์ เศียรอุ่น อายุ 22 ปี ถูกยิงเข้าที่ขาขวา 2 นัด และนายอภิชาติ นาคฤทธิ์ อายุ 22 ปี ถูกยิงเข้าที่ข้อศอกอีก 1 นัด ทั้งสองคนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง หลังจากนี้จะได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อม เพื่อสเกตช์ภาพคนร้ายต่อไป” พล.ต.ต.วิมล กล่าว
“บุญลือ”ชี้นศ.อาจทำผิดกฎหมาย นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช. ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีนักศึกษารามคำแหง 2 คนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ขณะเดินขบวนไปบ้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อกด ดันให้ลาออกว่า ขณะนี้กำลังให้มหาวิทยาลัยฯ ตรวจสอบว่านักศึกษาที่ถูกยิงอยู่คณะอะไร และ ขอให้ช่วยควบคุมดูแลด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นสิทธิส่วนตัวที่นักศึกษาจะแสดงความคิดเห็น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย ที่สำคัญนักศึกษาต้องคำนึงถึง พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่นายกรัฐมนตรีประกาศด้วย จึงอยากฝากถึงนิสิต นักศึกษา ให้ใช้วิจารณญาณในการออกมาเคลื่อนไหว เพราะอาจเป็นการทำผิดกฎหมายโดยไม่ได้ยั้งคิด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเนื่องจากนิสิต นักศึกษาเหล่านี้กำลังจะเป็นบัณฑิตและเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสเกตช์ภาพคนร้ายอยู่ และได้เข้าไปสอบปากคำนักศึกษาที่ออกมาชุมนุม แล้ว และเชื่อว่าจะหาตัวคนร้ายมาลงโทษได้
ทูตอังกฤษรุดพบ “อภิสิทธิ์” ก่อนหน้านั้น นายควินตัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เข้าพบนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสอบถามสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชม. จากนั้นนายควินตัน เปิดเผยว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ทูตจะเข้าพูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมือง และได้ยืนยันกับนายอภิสิทธิ์ว่ารัฐบาลอังกฤษสนับสนุนสถาบันประชาธิปไตยในประเทศไทย โดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทูตอังกฤษได้สอบถามถึงทางออก เช่น ความเป็นไปได้ในเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ และการแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนการทำประชามติตามแนวทางของ ครม. นั้น นอกจากจะขัดรัฐธรรมนูญแล้วจะยิ่งทำให้ปัญหายืดเยื้อ และอาจขยายวงออกไปทั่วประเทศ ดังนั้นนักการเมืองจะต้องนั่งคุยกันและเสียสละ
นายกฯ-พันธมิตรฯต้องเปิดใจ เมื่อถามว่า อาจารย์กฎหมายจากมหา วิทยาลัยออกซฟอร์ดระบุว่าไทยอาจเกิดสงครามกลางเมือง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่า มีความน่าเป็นห่วง ตนขอฝากไปถึงนายกฯ ว่า เข้าใจดีว่านายกฯ มาจากการเลือกตั้งถือว่ามีความชอบธรรม แต่เมื่อเข้ามาแล้วบริหารราชการแผ่น ดินผิดพลาด สถานการณ์ในขณะนี้ขยายวงกว้างไปเรื่อย นายกฯ ต้องยอมฟังคนอื่น และถ้าอยากมาพูดคุยแบบเปิดอกกับฝ่ายค้าน พันธมิตรฯ หรือ นปช. ตนก็ยินดี แต่ถ้ายังคงยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และมีหน้าที่ต้องอยู่ให้ครบวาระ ตนก็นึกไม่ออกว่าจะเจรจากันได้อย่างไร และขอ เรียกร้องไปยังพันธมิตรฯ ว่าให้ถอนเงื่อนไขการปฏิรูปการเมืองใหม่ ระบบ 70-30 จะกำหนดเป็นพิมพ์เขียวตายตัวให้ทุกคนยอมรับคงไม่ได้ อยาก ให้นายกฯ และพันธมิตรฯ เปิดใจกว้างเพื่อหาทางออกให้ได้ ส่วนที่เกรงว่าทหารอาจออกมาแก้ปัญหานั้น คงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะความขัดแย้งจะไม่หมดไป แต่จะสะสมมากขึ้นที่น่ากลัว คือ อาจจะลงใต้ดิน
3 แกนนำร่วมหารือแก้ปัญหา ต่อมาเวลา 12.30 น. มีการประชุมร่วมกันระหว่างนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยรองประธานสภาและรองประธานวุฒิสภาทั้งหมด รวมถึงแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหาทางออกให้กับวิกฤติบ้านเมือง โดยใช้เวลาหารือเกือบชั่วโมงภายหลังการประชุม นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยนายสามารถ แก้วมีชัย และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาแถลงร่วมกัน โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ทุกฝ่ายที่ร่วมประชุมเห็นพ้องกันว่าจะต้องช่วยประคับประคองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ช่วยหาทางออกอย่างเร่งด่วนโดยไม่ใช่วิธีการที่นอกเหนือรัฐธรรมนูญ ขณะนี้สถานการณ์ภายนอกยังมีความเสี่ยงอยู่ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาต้องไม่ใช้วิธีรุนแรง
ดันประธานวุฒิฯ เป็นกาวใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า แม้รัฐบาล มีแนวคิดจะทำประชามติแต่กระบวนการต้องใช้เวลาเป็นเดือน ทุกคนคิดว่าไม่น่าจะทันต่อการ คลี่คลายสถานการณ์จึงจำเป็นต้องใช้การเจรจาอย่างเข้มข้นมากขึ้นและเห็นตรงกันว่าจะขอให้ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ทำหน้าที่ประสานในการเจรจาให้ทั้งสองฝ่ายมาคุยกันให้ได้ ซึ่งประธานวุฒิสภารับปากที่จะทำหน้าที่นี้ทันที ส่วนตนและรองประธานสภาจะช่วยพยายามทำความเข้าใจกับ ส.ส. ของแต่ละพรรคเพื่อช่วยลดความร้อนแรงทางความคิดลง ทั้งนี้ ทุกฝ่ายจะมาประชุมร่วมกันเพื่อรายงานความคืบหน้าของแต่ละฝ่ายอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 8 ก.ย. ด้านนายสามารถ กล่าวว่า สถาบันนิติบัญญัติต้องมีส่วนร่วมอย่างเข้มข้นภายใต้กติกา รู้สึกดีใจที่ประธานวุฒิสภารับทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานกับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายพันธมิตรฯ และผบ.ทบ. ซึ่งจะทำด้วยความรวดเร็วเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้ ขณะที่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้คือความแตกแยกทางความคิด และการขาดความสามัคคีจนยากจะเยียวยา ฉะนั้นหน้าที่ของสภาคือทำอย่างไรที่จะสร้างความรักความสามัคคีกลับมาให้ได้เพราะเห็นว่าการทำประชามติแก้ไขปัญหาได้ไม่ทันเวลา จึงกำลังหาวิธีอยู่ว่าอาจต้องประสานให้หัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคมาหารือร่วมกัน
วอนทุกฝ่ายต้องลดเงื่อนไข ผู้สื่อข่าวถามว่าประธานวุฒิสภาจะทำหน้าที่เป็นคนกลางหรือทำหน้าที่หาคนกลางกันแน่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วิธีไหนก็ได้ถ้าทำได้สำเร็จ งานนี้สำคัญทุกฝ่ายต้องตั้งเงื่อนไขให้น้อยที่สุด งานละเอียดอ่อนเช่นนี้คงต้องใช้วิธีโน้มน้าวกันเป็นการภายใน คงทำงานผ่านสื่อไม่ได้แต่ขอให้ไว้ใจว่าพวกเราทำงานอย่างโปร่งใส ขอร้องอย่ากดดันหรือตั้งความคาดหวังกับประธานวุฒิสภามากเกินไป เมื่อถามว่าแสดงว่าจะไม่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าการประชุมและทำงานร่วมกันแบบชุดเล็กจะดีกว่าการเปิดให้สมาชิกเกือบ 700 คนแสดงความเห็น เมื่อถามว่าแสดงว่าการทำประชา มติคงไม่เกิดแล้ว นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีแต่ด้วยเงื่อนเวลาคงไม่ทันต่อความเดือดร้อนที่กระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยทั้งประเทศ
ปธ.วุฒิฯเริ่มงานชี้ผลเป็นบวก ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 15.00 น. นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้รับมอบหมายจากที่ประชุม 3 ฝ่ายให้เป็นคนกลางในการเจรจาหาข้อยุติเกี่ยวกับสถาน การณ์การเมืองขณะนี้ว่า ตนได้รับมอบหมายให้ประสานกับ ผบ.ทบ. และพันธมิตรฯเพื่อยุติให้เหตุการณ์สงบลง ซึ่งขณะนี้ตนได้ประสานทั้งสองฝ่ายแล้ว และได้รับการตอบรับในทางบวกเชื่อว่าการเจรจามีแนวโน้มไปในทางที่ดี ยุติปัญหาได้โดยเร็ว ส่วนได้ติดต่อกับบุคคลใด ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ในขั้นของการเจรจา แต่ได้รับการยืนยันว่าปัญหาจะยุติลงได้ในเร็ว ๆ วันนี้ โดยทุกฝ่ายมีทางออก เมื่อถามว่าได้มีการเจรจากับทางรัฐบาลด้วยหรือไม่ ประธานวุฒิ กล่าวว่า จิ๊กซอว์ครั้งนี้ตนรับมาเพียงส่วนหนึ่ง ส่วนอื่นก็มีบุคคลอื่นทำอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามล่าสุดนายกฯ ยืนยันว่าไม่ขอเจรจากับทางพันธมิตรฯ นายประสพสุข กล่าวว่า ท่านไม่ได้เป็นคนเจรจา แต่ตนเป็นคนเจรจาเอง ซึ่งได้ความอย่างไรก็จะไปดำเนินการต่อ คงไม่เกี่ยวกับในส่วนของท่าน และท่านก็คงไม่ทราบเรื่องที่รัฐสภาดำเนินการ ตนเรียนตรง ๆ ว่าฝ่ายสภาผู้แทนราษฎรคือฝ่ายรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 8 ก.ย. เวลา 12.00 น. ตนจะนำผลการดำเนินการของทุกส่วนที่ได้รับมอบหมายไปหารือกัน เมื่อถามว่า ส.ว. 100 กว่าคน ยังเรียกร้องให้นายกฯ ยุบสภา ถือเป็นแนวทางที่เป็นไปได้หรือไม่ นายประสพสุข กล่าว ตนคิดว่าทุก อย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่คิดว่าช่วงนี้ทุกฝ่ายต้องรักประเทศชาติ ทุกอย่างต้องทำได้ เมื่อถามว่าแกนนำพันธมิตรฯ ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีต้องไปมอบตัวใช่หรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า ตรงนั้นก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง และต้องเคารพกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การดำเนินการทุกอย่างที่ตนพูดเป็นมาตรการทางกฎหมายทั้งสิ้น
ผู้นำชาวพุทธร่วมเจริญภาวนา พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหา วิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในฐานะประธานสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ กล่าวว่า ในวันที่ 13-15 ก.ย. นี้ จะมีการประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ และการสัมมนาวิชาการระดับนานาชาติ เรื่อง พระพุทธศาสนากับจริยศาสตร์ ที่ มจร. อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะมีผู้นำชาวพุทธ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา จาก 115 มหาวิทยาลัย 29 ประเทศทั่วโลกเข้ามาร่วมประชุม โดยผู้นำชาวพุทธจากชาติต่าง ๆ ได้สอบถามถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย และแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังยืนยันที่จะเข้ามาร่วมประชุมการประชุมในครั้งนี้
“ผู้นำชาวพุทธจากทั่วโลกที่จะเดินทางมาประชุมได้แสดงเจตนารมณ์ว่าจะร่วมสวดมนต์ และเจริญ จิตตภาวนา ในเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ก.ย. ที่อุโบสถกลางน้ำ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้เกิดความสงบสุขขึ้นในประเทศไทยด้วย เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ อีกทั้งยังได้รับการไว้วางใจจากชาวพุทธทั่วโลกให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก การมีภาพความรุนแรงออกไปทั่วโลกจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม” อธิการบดี มจร.กล่าว
นศ.บุกหน้า สตช.ไล่รัฐบาล เมื่อเวลา 13.00 น. กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตเทเวศร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักเรียนโรงเรียนมัธยมชื่อดังหลายแห่ง ในนามโรงเรียนสาธิตมัฆวานฯ รวมกันกว่า 200 คน นัดรวมตัวกันบริเวณสะพานมัฆวานฯ เพื่อเดินขบวนไปยังลานหน้าห้างสยามพารากอน หลังจากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกลับมาปักหลักหน้าศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ เพื่อแสดงพลังนักเรียนนักศึกษาขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด และเชิญชวนให้ออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ สำหรับเหตุผลที่ต้องเดินทางไปหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรมหลังจากที่นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำ แหง ถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บระหว่างที่เดินทางไปบ้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อคืนวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการเดินขบวน ครั้งนี้ได้ใช้รถบัส 3 คัน รถของกองทัพธรรม 2 คัน รถกระบะที่ติดตั้งเครื่องขยายเสียง 1 คัน
สหรัฐย้ำหนุนรัฐบาล “สมัคร” ด้านสำนักข่าวต่างประเทศยังคงรายงานต่อเนื่องเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นต่อข้อเสนอให้จัดการแสดงประชามติเพื่อแก้ไขการเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งยึดทำเนียบรัฐบาลไว้ได้นาน 11 วันแล้ว ขณะที่ทำเนียบขาวของสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช แต่เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายอดกลั้นไม่ให้ใช้ความรุนแรง โดยนายกอร์ดอน จอห์นโดร์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า “เราขอเรียกร้องทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านรัฐบาลไทยงดการใช้ความรุนแรง เคารพกฎหมาย และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งให้อยู่ในกรอบของสถาบันในระบอบประชาธิปไตยของไทย”
ระบุทำเนียบเหมือนค่ายผู้ลี้ภัย ผู้สื่อข่าวเอพีรายงานว่า ขณะนี้ทำเนียบรัฐบาลของไทยซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมสมัยต้นศตวรรษที่ 20 สไตล์โกธิค หนึ่งในอาคารก่อสร้างที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของกรุงเทพฯ ได้กลายเป็น การผสมผสานกันระหว่างค่ายผู้ลี้ภัยกับสนามเด็กเล่นประจำหมู่บ้าน เพราะผู้ชุมนุมประท้วงนับพันคนได้ตั้งเต็นท์ที่พักถาวรขึ้นภายใน แล้วยังมีอาหารไว้บริโภคฟรี อาบน้ำฝักบัวกลางแจ้ง สิ่งบันเทิงอื่น ๆ บริการนวดตัวหรือฝ่าเท้าชั่วโมงละ 100 บาท หรือแม้แต่การทำราวตากผ้า นอกจากนั้น ผู้ชุมนุมประท้วงบางคนก็ไม่ได้หวาดกลัวต่อปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเลย บางคนก็เดินทางมาจากสถานที่ห่างไกลเพื่อเข้าร่วมชุมนุมประท้วง อย่างกรณีของ น.ส.มาลี เลิศแพรวพรรณ พนักงานต้อนรับของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ ซึ่งอาศัยอยู่ในสหรัฐนานถึง 38 ปี ก็ขอลาพักร้อนเพื่อมาชุมนุมประท้วงด้วย
ส.ว.กลุ่มสันติสุขเสนอทางแก้ ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 12.00 น. ส.ว. ในนามกลุ่มสันติสุข นำโดย พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวา นิช ส.ว.สรรหา พร้อมด้วย ส.ว. 40 คน ร่วมแถลงข้อเรียกร้องต่อการแก้ไขปัญหาประเทศ โดย พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวเรียกร้อง 1. รัฐบาลควรเร่งรัดแก้ไขวิกฤติการเมือง และการชุมนุมด้วยสันติวิธีด้วยการเจรจากับทุกฝ่าย 2. หากไม่สามารถยุติได้ด้วยการเจรจา เห็นว่าการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นทางออกที่ดี เป็นทางออกที่ไม่มีใครแพ้ แต่ผู้ชนะคือประเทศและประชาชน 3. หากรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเลือกดำเนินการตามแนวทางในข้อ 2 ก็ขอให้ประชาชนทุกกลุ่มยุติการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและการหยุดงานประท้วงที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ระแวง “อนุพงษ์” ไม่ใช้อำนาจ นายสุรสิทธิ์ เจียมวิลักษณ์ ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงมติ ครม.ที่โอนอำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมาเป็นอำนาจของนายกฯ เช่นการสั่งการ การบังคับบัญชา รวมถึงอำนาจในการเคลื่อนย้ายกำลังทหารว่า ไม่ได้เป็นการสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจระหว่างนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องผิดปกติ ทั้งนี้ถ้า พล.อ.อนุพงษ์ ยังคงมีท่าทีนิ่งเฉยต่อการแก้ไขปัญหาการชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลไม่ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินย่อมไม่เป็นผลดีต่อประเทศ มีแต่จะทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น ตนและ ส.ส. พรรคพลังประชา ชนหลายคน ไม่เข้าใจว่าทำไม พล.อ.อนุพงษ์ ถึงไม่ใช้กฎหมายที่อยู่ในมือ แต่ที่พูดไม่ได้หมายความว่าให้ใช้กำลังสลายแต่ให้เข้มงวดต่อการบังคับใช้กฎหมายเช่น ตั้งด่านตรวจค้นผู้เข้าร่วมชุมนุม กดดันให้เกิดการเจรจาไม่ใช่ปล่อยเสรีไปหมด จนถึงวันนี้เอเอสทีวีก็ยังแพร่ภาพออกอากาศได้
รถไฟใต้ยังหยุดวิ่งวันที่แปด ด้านม็อบพันธมิตรฯ สงขลา แม้จะยุติการปิดสนามบินหาดใหญ่ แต่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟ สาขาหาดใหญ่ ยังคงหยุดเดินรถติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ส่งผลให้การเดินรถไฟในภาคใต้ยังคงหยุดชะงัก นายเอกชัย อิสระทะ โฆษกพันธมิตรฯสงขลา ยืนยันว่าจะมีมาตรการกดดันที่เข้มข้นขึ้น หากมีการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล ส่วนองค์กรนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราาช ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นักศึกษาทั่วประเทศ ร่วมผนึกกำลังกัน พร้อมแสดงจุดยืนจะอยู่เคียงข้าง ประชาชน ไม่เห็นด้วยกับความไม่ถูกต้องของรัฐบาล และเห็นด้วยว่ารัฐบาลควรออกมารับผิดชอบกับการ กระทำ รวมทั้งถึงเวลาแล้วที่เหล่านักศึกษาจะเป็น พลังในการขับเคลื่อนการเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ และความถูกต้องของความเป็นจริงในสังคม
ผู้บริหาร มช.วอนเคารพ ก.ม. ที่ จ.เชียงใหม่ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันคลี่คลายวิกฤติของประเทศ โดยให้นายสมัครพิจารณาตัดสินใจลา ออกจากตำแหน่ง หรือยุบสภา คืนอำนาจให้แก่ ประชาชนทุกฝ่าย ยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และภาพลักษณ์ของประเทศ อย่างรุนแรง ทุกฝ่ายละเว้นการใช้วิธีการใด ๆ ที่เป็นเงื่อนไขนำไปสู่ความรุน แรงจนเสียเลือดเสียเนื้อ และสื่อทุกประเภทต้องนำเสนอข้อมูลข่าวสารตามความเป็นจริง สร้างสรรค์ และงดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยก หรือแบ่งฝ่ายในชาติ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจที่ดีและสร้างความรักสามัคคีของคนในชาติ ที่สำคัญทุกคนต้องเคารพ และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และการพัฒนาปฏิรูปกฎหมายเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นนิติรัฐได้ตามระบอบและครรลองประชาธิปไตย
เหล่านักศึกษาต่างเสียงแตก ขณะที่กลุ่มนักศึกษาปริญญาโท คณะวิจิตรศิลป์กว่า 10 คน สวมหน้ากากล้อเลียนนายกฯ สมัคร เดินถือกล่องรับความคิดเห็นจากบรรดานักศึกษาในมหาวิทยาลัย เพื่อรวบรวมส่งให้รัฐบาลรับทราบ และเข้าใจความคิดเห็นของบรรดานักศึกษา มช. ด้านนายกิตติ อินทรีย์ นายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่า ทางสโมสรฯ พร้อมออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่น เพราะเห็นว่านายกฯ ขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว ส่วน นายวีระยุทธ ไชยพร นายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวว่า เบื้องต้นทางสโมสรฯ ประสานกับสโมสรนักศึกษามหา วิทยาลัยขอนแก่น เห็นตรงกันว่าจะยังไม่เคลื่อนไหวใด ๆ จะรอดูท่าที และวางตัวเป็นกลาง ขณะที่กลุ่มนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นกว่า 100 คน รวมตัวกันที่หน้าศูนย์อาหารคอมเพล็กซ์ในมหาวิทยาลัย เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และลาออก ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องยุติการเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวาย
ชาวราษีไศลเดินขับไล่ “บักใส” ที่ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านอำเภอราษีไศล กว่า 3,000 คน นำโดยนายทองใบ สายชมพู อายุ 50 ปี ประธานกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ เดินขบวน ขับไล่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ และไปชุมนุมกันที่หน้าที่ว่าการอำเภอราษีไศล ยื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อ คือ 1.ไม่ให้นายสุริยะใส เอาชื่อชาวอำเภอราษีไศลไปแอบอ้างการกระทำการต่าง ๆ 2.อย่าให้ประชาชนทั่วไปรังเกียจชาวอำเภอราษีไศล เมื่อไปสมัครงาน เพราะไม่ได้อยู่กับกลุ่มพันธมิตรฯ 3. สนับสนุนรัฐบาล เพื่อรักษากฎหมายให้ทำงานต่อไป และ 4. ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ และให้หยุดการกระทำทุกรูปแบบ
ร่วมกันเผาหุ่น-ให้เลิกอ้างชื่อ นายทองใบ กล่าวว่า พวกเราเดือดร้อน พวกเราไม่ได้อยู่กับกลุ่มพันธมิตรฯ และรับไม่ได้ที่ทำตัวเป็นกบฏ ทำลายประเทศชาติ รวมทั้งนายสุริยะใส ที่ปฏิเสธมาตลอดเวลาว่าไม่ได้กบฏ แต่กลับทำในสิ่งตรงข้าม ถ้าจะเคลื่อนไหว ก็อย่าเอาชื่อชาวราษีไศลไปแอบอ้าง ขณะที่ นายพวง กตะศิลา อายุ 46 ปี บอกว่า แม้จะนามสกุลเดียวกับนายสุริยะใส ก็ไม่ต้องการให้นำชื่อชาวราษีไศลไปแอบอ้าง ล้มล้างรัฐบาล เพราะตนกับชาวบ้านทุกคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และต้องการให้รัฐบาลทำงานต่อไป สำหรับการประท้วงครั้งนี้มีการนำหุ่นของนายสุริยะใสมาเผาทิ้งด้วย
“สมัคร” ยันไม่เจรจาพันธมิตรฯที่สนามหลวง ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่ารัฐบาลจะมีการเจรจากับพันธมิตรฯ หรือไม่ นายสมัคร กล่าว ปฏิเสธว่าไม่ เขาก็บอกแล้วว่าไม่อยากเจรจากับตน และตนก็ไม่ควรต้องไปเจรจากับเขา ส่วนที่ประธาน ส.ว. จะเป็นตัวกลางในการประสานงานนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ที่ประหลาดใจคือในบ้านเมืองนี้ไม่เห็นมีการยึดหลักเกณฑ์ มีคนมาตั้งคณะแล้วมาเรียกร้อง ถ้ายอมอย่างนี้แล้ววันข้างหน้านายอภิสิทธิ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมีคณะมาบอกว่าให้ออกไป ใครจะยอมหรือไม่ ตนทำเพื่อใครก็เพื่อรักษาสถานการณ์ของบ้านเมืองไม่ให้ชาวโลกดูแคลน คนที่ออกมาไล่กลับถูกต้อง คนที่อยู่ไม่ถูกต้อง ตนประกาศเลยว่าไม่มีวันยอมให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้น
เตรียมทบทวน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินใช้ไม่ได้ผลจะประกาศเลิกก่อนหรือจะดำเนินการอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็คิดไว้แล้วว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วมีคนขัดขืนจะทำอย่างไร ความจริง พ.ร.ก. นี้อยู่ได้ 3 เดือน แต่ตนคงไม่ปล่อยอย่างนั้นอีก 1-2 วัน จะหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรเมื่อคนอยู่ในขอบเขตแล้วและไม่ต้องใช้ พ.ร.ก. ก็คงจัดการได้ไม่มีปัญหาอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายความว่าจะยกเลิก การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ นายกรัฐ มนตรี กล่าวว่า ในเมื่อประกาศแล้วเขาไม่เคารพก็ไม่รู้ออกทำไม ที่ผ่านมาก็ปรึกษาหารือกันก่อนที่จะออก ครั้งนี้จะพิจารณาทำอย่างไรก็ต้องหารือกันก่อน แต่การหารือกันต้องแสดงความรู้สึกจริงใจต่อกัน อย่างไรก็ตาม ตนและ ผบ.ทบ. ได้พูดคุยกันและการประชุม ครม. ที่ผ่านมาที่ต้องมีการประกาศ ตั้ง กอฉ. และให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการ เพราะกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องถึง 21 คน จึงต้องใช้ ครม. มีมติมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้มอบหมายให้ ผบ.ทบ.เป็นผู้ดำเนินการ แต่กลับมีการกระแหนะกระแหนว่านายกรัฐมนตรีกับ ผบ.ทบ. ขัดแย้งกันรวบอำนาจไว้คนเดียวทั้ง ๆ ที่ก่อนที่จะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินก็ได้มีการพูดคุยและดูภาพถ่ายกันนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน “ผมเชื่อว่าคนไทยไม่มีวันก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองอย่างที่หลายคนพูด เพราะคนไทยทุกคนรักบ้านรักเมืองไม่ต้องเอ่ยถึงคำนี้เพราะ ไม่มีเหตุผล คนหยิบมือเดียวมาอยู่ตรงนี้ แล้วมีคนเอ่ยว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองจะเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อไม่มีอาวุธ ตำรวจ ทหาร ก็ไม่มีอาวุธ แล้วตกลงรัฐบาลที่เป็นคนรักษาบ้านเมืองเป็นคนผิดหรืออย่างไร แล้วจะมาบอกว่าผิดทั้งคู่ก็ไม่ได้ ผมเป็นคนรักษาบ้านเมืองให้เรียบร้อย ขอยืนยันว่านโยบายที่ทำนี้เหมาะสม ทหารและประชาชน ทั้งประเทศเห็นชอบ คนบางส่วนที่ไม่เห็นชอบก็ไม่เป็นปัญหา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
9 ก.ย.ประชุม ครม.สัญจร นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม. วันอังคารที่ 9 ก.ย. นี้ จะมีการประชุม ครม. สัญจรเป็นครั้งแรก โดยใช้สถานที่ที่ห้องประชุมในศาลากลาง จ.อุดร ธานี เมื่อถามว่าเกรงว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะตามไปปิดล้อมหรือไม่ นายธีระชัย กล่าวว่า เชื่อว่าไม่มี เพราะพันธมิตรฯ อยู่ที่ กท. อีกทั้งการประชุม ครม. ครั้งนี้ก็ถือเป็นการทำงานตามปกติที่รัฐบาลจะต้องพบปะและทำความเข้าใจกับประชาชน
ฝนกระหน่ำเวทีพันธมิตรฯ สำหรับบรรยากาศการชุมนุมในทำเนียบ รัฐบาลในช่วงบ่ายไม่ค่อยคึกคัก มีผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา ขณะที่บรรดาแกนนำทั้ง 5 คนต่างเก็บตัวเงียบไม่มีใครขึ้นเวทีปราศรัย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของระดับรอง ทั้งที่ทุกวันแกนนำทั้ง 5 คน จะต้องสลับกันขึ้นเวทีในช่วงเช้าถึงบ่ายเพื่อพูดคุยกับผู้ชุมนุมเป็นประจำ มีเพียง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข คนเดียวเท่านั้น ที่มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนตามปกติ โดยมีรายงานว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย ป่วยจนต้องเก็บตัวนอนพักผ่อน ไม่สามารถขึ้นเวทีและมาแถลงข่าวได้
ลูกเห็บตก-น้ำท่วม-เวทีเปิง จนกระทั่งเวลา 16.30 น. เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก พร้อมกับมีลมกระโชกแรง ทำให้ผู้ชุมนุมถึงกับแตกกระเจิง ต่างวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น โดยเข้าไปหลบอยู่ตามเต็นท์และภายในอาคารต่าง ๆ พร้อมกับรีบเก็บข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนจอโปรเจคเตอร์และโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่กลางแจ้งและมุมต่าง ๆ อย่างรีบด่วน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งผู้ชุมนุมบางส่วนต้องช่วยกันยึดขาเต็นท์ไว้ไม่ให้ปลิวจากแรงลม หลังฝนตกลงมาได้ประมาณ 10 นาที ได้มีพายุลูกเห็บขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยจำนวนมากตกลงมาพร้อมสายฝน บริเวณภายในทำเนียบรัฐบาล และสะพานมัฆวานรังสรรค์ จนทำให้ฉากด้านหลังเวทีล้มตึงลงมา หลังคาเปิดทำให้เวทีพังลงไปบางส่วน พร้อมกับเกิดไฟฟ้าดับทันที เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้ชุมนุมว่า เป็นลางบอกเหตุอะไรหรือไม่
น้ำท่วม-ตัวเงินตัวทองโผล่ 2 และจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ท่อระบายน้ำภายในทำเนียบรัฐบาลที่มีเศษขยะ เข้าไปอุดตัน ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ส่งผลให้น้ำเอ่อท่วมทำเนียบรัฐบาลภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยมีเศษขยะลอยมาตามน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมา ซึ่งผู้ชุมนุมได้นำไม้มาพาดเป็นสะพานบริเวณที่มีน้ำท่วมทั้งหมด เพื่อให้ผู้ชุมนุมสามารถเดินได้อย่างสะดวก ส่วนการปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ก็ต้อง ยุติโดยทันที นอกจากนี้ต้นไม้รอบทำเนียบรัฐบาลก็หักโค่นลงมาจำนวนมาก โดยตำรวจที่อยู่รอบทำเนียบรัฐบาล ก็ได้รีบวิ่งหลบฝนไปอยู่ที่ป้ายรถเมล์ และยกโล่ขึ้นมาบังฝนไว้อีกชั้นหนึ่ง การ์ดพันธมิตรฯ พยายามช่วยกันติดเครื่องปั่นไฟ แต่ก็ไม่สามารถติดเครื่องได้ เนื่องจากถูกน้ำฝนเข้าไปในเครื่อง ทำให้เมื่อฝนเริ่มขาดเม็ด ผู้ชุมนุมหลายคนจึงพากันทยอยเดินออกจากทำเนียบจำนวนมาก จนกระทั่งเวลา 18.00 น. ไฟฟ้าจึงกลับมาสว่างอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็มีตัวเงินตัวทองออกมาอวดโฉมที่ประตูตึกไทยคู่ฟ้า และที่ด้านหลังเวทีอีก 1 ตัว โดยผู้ชุมนุมได้ช่วยกันจับแล้วเขียนชื่อ “สมัคร” ไปแขวนคอไว้
ฟ้าพิโรธธงชาติ ทบ.ปลิวหาย ส่วนที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 15.30 น. เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะที่กองบัญชาการกองทัพบก มีลูกเห็บตกลงมาจำนวนมาก และเกิดลมกระโชกแรงจนทำให้ธงชาติผืนใหญ่บนยอดเสาธงประจำ กองทัพบก ที่ตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์กองทัพบก ปลิวหายไปทั้งผืน จนมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นครั้งแรกที่มีเหตุการณ์เช่นนี้ ภายหลังจากที่ย้าย บก.ทบ. จากสวนรื่นฤดีมาอยู่ที่ถนนราชดำเนินนอก เมื่อปี 2525 ในสมัยที่ พล.อ.วิมล วงศ์วานิช เป็น ผบ.ทบ. และสำหรับเสาธงชาตินี้ เพิ่งสร้างใหม่ในสมัยที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น ผบ.ทบ. จนมีเสียงวิจารณ์ว่า อาจจะเกี่ยวโยงกับสถานการณ์ การเมืองที่กำลังครุกรุ่นอยู่ในขณะนี้
“บุญสร้าง” ชี้ให้ต้องใจเย็น ๆ ทางด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงการพบกับ ผบ.เหล่าทัพว่า ได้มาประเมินสถานการณ์และพูดคุยว่า ใครมีแนวคิดอะไรดีหรือไม่ เพราะบ้านเมืองขณะนี้ค่อนข้างลึกลับ และไม่ค่อยมีใครคิดอะไรออก จึงต้องพยายามช่วยกันคิดหาทางออก แต่จากการพูดคุยรู้สึกว่าคิดอะไรกันไม่ค่อยออกจึงให้ทุกคนกลับไปช่วยกันคิดหาทางแก้ไขปัญหา ทั้งนี้การพบปะกันเป็นเรื่องปกติไม่ได้พบกันนานแล้วความจริงควรพบกันมากกว่านี้ แต่บางทีการพบกันมากเกินไปก็เป็นข่าว จนกลายเป็นเรื่องทำให้คนบางคนหวาดระแวง ความจริงเราไม่มีอะไรยืนยันว่าทหารไม่มีการปฏิวัติ เพราะมันยุ่งหลายเรื่อง และไม่มีใครเห็นด้วย “ถามหน่อยว่าถ้าทำแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้นจริง ๆ ผมว่ามันไม่ใช่ การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองมันต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่อะไรก็จะให้ปฏิวัติ ทางออกที่ดีที่สุดตอนนี้คือ ทุกฝ่ายต้องใจเย็น สถานการณ์แบบนี้อย่าไปใจร้อน มันต้องใช้เวลาในการคลี่คลายจนสักวันเขาหายโกรธ และหันหน้ามาคุยกันมันจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด”พล.อ.บุญสร้าง กล่าว
ศิลปินวอน “สมัคร” ลาออก เมื่อเวลา 18.00 น. กลุ่มแนวร่วมศิลปินประชาธิปไตย ที่ประกอบด้วยตัวแทนศิลปินฝ่ายต่าง ๆ ทั้งนักเขียน เช่น นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ นางจิระนันทน์ พิตรปรีชา นักเขียนรางวัลซีไรต์ นักดนตรี เช่น นางสุนทรี เวชานนท์, นายพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ, นายสุเทพ วงศ์กำแหง และจิตรกร เช่น นายประเทือง เอมเจริญ, นายปัญญา วิจินธนสาร คณบดีคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พร้อมกลุ่มเครือข่ายอื่นเช่นสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ร่วมลงชื่อกว่า 40 รายชื่อในแถลงการณ์คัดค้านความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลปัจจุบัน นางจิระนันทน์ อ่านแถลงการณ์ว่า วิกฤติการณ์ในสังคมมีการแบ่งฝ่ายอย่างสุดขั้ว โดยที่นายกฯไม่พยายามแก้ปัญหา แต่กลับยิ่งยกระดับความขัดแย้ง นายกฯจึงหมดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งต่อไป เพราะไม่สามารถรับมือแก้ไขปัญหาได้ แนวร่วมศิลปิน จึงเสนอให้นายสมัคร ลาออกและยุติบทบาททางการเมือง ด้านนายเนาวรัตน์ กล่าวว่า ศิลปินทุกคน มีคุณธรรม ที่ผ่านมาไม่ค่อยเรียกร้องอะไรจากสังคม แต่จุดขาดที่ทำให้เราทนไม่ได้คือการมีคนตายบนถนนราชดำเนินอีกครั้ง ศิลปินจึงรวมตัวกันและมีบทบาทที่ต้องดูแลความรู้สึกของสังคม เราถูกผลักดันให้เลือกข้างซึ่งไม่สมควรสำหรับคนที่ทำงานสร้างสรรค์ ตอนนี้หลายส่วนในสังคม ไม่เอารัฐบาลแต่ไม่อยากไปยืนในจุดของพันธมิตรฯ ดังนั้นอยากให้ผู้นำประเทศเข้าใจ และทำให้สังคมไทย กลับเข้าสู่สังคมคุณธรรม
พปช.เปิดเวทีต้านพันธมิตรฯ ที่อาคารที่ทำการพรรค ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ในช่วงบ่าย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ร่วมประชุมกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต. สำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรค อาทิ นายศรีเมือง เจริญศิริ ส.ส.สัดส่วน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายประชา ประสพดี และนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.สมุทรปราการ เพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองและแนวทางการแก้ไข ที่ประชุมเสนอให้แกนนำพรรคเห็นชอบการตั้งเวทีปราศรัยในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเป็นการดำเนินการต่อจากที่ ส.ส.พรรคบางส่วน ได้เปิดเวทีกลุ่มปกป้องประชาธิปไตยหยุดคนทำลายประเทศเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้กลุ่มพลังเงียบในจังหวัดต่าง ๆ ได้แสดงออกถึงความต้องการทางการเมือง อย่างไรก็ตามแนวทางดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก นายจาตุรนต์ นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์กันว่าถึงแม้นายสมัครจะลาออกปัญหาก็ไม่จบ ดังนั้นควรจะแก้ปัญหาด้วยการฟังเสียงส่วนใหญ่ ด้านนายสุทิน กล่าวว่า กรณีแนวคิดให้ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาเป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับรัฐบาลนั้น ตนไม่เห็นด้วยเพราะ นายประสพสุข มีประชาธิปไตยไม่ถึงครึ่งใบเป็น ส.ว.ที่มาจากการสรรหา รวมทั้งก่อนหน้านี้ นายประสพสุขเคยระบุว่า ผลการเลือกตั้งไม่สำคัญ
ปลุกแฟนพันธุ์แท้ พปช.เช็กบิล นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า จากการหารือของส.ส.พรรคพลังประชาชนกว่า 30 คนเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปเบื้องต้นที่จะเสนอทางออกสถานการณ์ทางการเมืองให้กับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชนดังนี้ 1. นายกรัฐมนตรีควรที่จะจัดทีมโฆษกทำหน้าที่ชี้แจงสถานการณ์ทางการเมือง เพื่อให้ทิศทางข่าวสาร เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลดีเพราะนายกรัฐมนตรีไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอบโต้ทางการเมืองเหมือนอย่างที่ผ่านมา 2. ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนในทุกจังหวัดจะเปิดเวทีชี้แจงสถานการณ์ทางการเมืองให้ประชาชนเข้าใจพร้อมทั้งจะเปิดให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นด้วย ด้านนายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า จากการประชุมแกนนำพรรคพลังประชาชนและตัวแทนส.ส.ของพรรคมีข้อสรุปเบื้องต้นคือ พรรคพลังประชาชนยินยอมที่จะให้กลุ่มพันธมิตรฯใช้อำนาจเถื่อนที่มีอยู่ บีบบังคับให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่เพื่อเห็นกับอนาคตของบ้านเมือง แต่หากพวกตนได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีกครั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่แล้วกลุ่มพันธมิตรฯ ยังยืนยันว่าห้ามพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล เมื่อนั้นพวกตนก็จะหามาตรการต่อสู้กับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยที่ไม่มีรูป แบบเช่นเดียวกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ.
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=175960&NewsType=1&Template=1

ไม่มีความคิดเห็น: