พรรคร่วมไม่แตกแถว
พปช.ชี้ขาด"สมพงษ์"เต็ง1นายกฯ กองเชียร์หมักฮึดสู้ มาร์คหวังแก้วิกฤติ ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ พปช.ล้อมวงถก ร่อนตะแกรงหานายกฯใหม่ หลังเจรจาล็อกพรรคร่วมอยู่หมัด ชื่อ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” มาแรงลุ้นมติพรรคชี้ขาด ส่วนกองเชียร์สาย “สมัคร” ยังฮึดดันสู้อีกรอบ ด้าน “อภิสิทธิ์” หวังรัฐบาลแห่งชาติผนึกกำลังทุกฝ่ายแก้วิกฤติ ประกาศหากสภาให้โอกาสก็พร้อมเป็นนายกฯ ยันขั้วการเมืองพลิกปชป.ยังรับมือได้
ขณะที่ “บรรหาร”ยึดหลักการไม่ปันใจ ยอมพลังประชาชนแกนนำรัฐบาล “ป๋าเหนาะ” ชูทางออก 2 ขั้วจูบปากสยบปัญหา แต่ไม่ขัดข้องร่วมรัฐบาลอีกรอบ ส่วนเสียงต้าน “สมัคร”คัมแบ็กยังแรง หวั่นเติมฟืนใส่กองไฟ “สมพงษ์”เก็บอาการตัวเต็ง ส่วน “หมอเลี้ยบ”ปัดขึ้นชั้นผู้นำยังไม่เหมาะสม “ยุทธ ตู้เย็น”ระดมส.ส.ประชุมเครียดก่อนรับบทเข้าเจรจา”สมัคร” ด้านอดีตนายกฯโผล่ร่วมงานศพแต่เก็บท่าทีเงียบ ครม.ประชุมนัดพิเศษกลางดึก ถกวาระแบ่งภารกิจ อัยการยื่นแถลงปิดคดีขอศาลสั่งริบเงิน 772 ล.พร้อมยึดที่ดินรัชดาคืน พปช.ล็อก“ปลาไหล”กันลื่น เมื่อวันที่ 10 ก.ย. เวลา 11.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้เดินทางมาถึงพรรคชาติไทยเพื่อส่งเทียบเชิญขอให้พรรคชาติไทยเข้าร่วมรัฐบาลอีกครั้ง พร้อมทั้งจะได้หารือถึงนายกฯคนใหม่ โดยนายสมชาย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าหารือว่า ตนขอไปคุยกับนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยก่อน ซึ่งพรรคพลังประชาชนได้ตั้งตน 3 คนมาพูดคุยกับพรรคชาติไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่า ที่มาหารือวันนี้เพื่อขอให้นายบรรหารสนับสนุนนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนกลับมาเป็นนายกฯหรือ ไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน ไว้ คุยแล้วจะมาบอก เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มอีสานพัฒนาออกมาบอกว่าที่พรรคมีมติหนุนนายสมัครนั้นไม่ใช่มติของพรรค นายสมชาย กล่าวว่า ยังไม่มีการหารือกับลูกพรรคพลังประชาชนเพราะเพิ่งกลับมาจากจังหวัดอุดรธานี “สมชาย”มั่นใจพรรคร่วมปึ้ก ภายหลังการหารือซึ่งใช้เวลาประมาณ 45 นาที นายสมชาย เปิดเผยว่า หัวหน้าพรรคชาติไทยก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องของผู้ที่จะมาเป็นนายกฯเพียงแต่บอกว่าให้พรรคพลังประชาชนไปหารือกันแล้วพิจารณาคนที่เหมาะสมมาซึ่งทางพรรคพลังประชาชนก็จะกลับไปประชุมกันเพื่อพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมใน 1-2 วันนี้ อย่างไรก็ตามทางเราก็จะได้มีการไปเทียบ เชิญพรรคร่วมรัฐบาลเดิมทุกพรรค เราต้องให้เกียรติทุกพรรคเสมอหน้ากัน มั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะเกาะติดกัน เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าหากพรรคพลังประชาชนยืนยันให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายจะมีการฟังเสียงพรรคร่วมหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็ต้องฟังเสียงพรรคร่วม แต่หัวหน้าพรรคชาติไทย ก็ให้เกียรติ พรรคพลังประชาชน เมื่อถามต่อว่า มีหลายฝ่ายท้วงติงว่าการเลือกนายกฯในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้ดูจะเร็วเกินไป นายสมชาย กล่าวว่า จะเลื่อนหรือไม่เลื่อนก็แล้วแต่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้อิสระพปช.เฟ้นนายกฯ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าหากนายสมัครปฏิเสธตำแหน่งนายกฯจะมี 3 ส. เป็นแคนดิเดตได้มีการหารือเรื่องนี้กับนายบรรหารหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ท่านไม่ได้ลงลึกถึงตัวบุคคลเพียงบอกว่าให้พรรคพลังประชาชนไปหารือตัวบุคคลกันเอง แต่เมื่อมีมติว่าพรรคพลังประชาชนจะเลือกใครก็ต้องมาแจ้งให้นายบรรหารทราบ ซึ่งต่อไปนี้การทำงานของพรรคร่วมฯถ้ามีเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเราจะหารือร่วมกัน ด้านนพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า นายบรรหารไม่ได้เสนอข้อห่วงใยอะไรเพียงแต่ท่านพูดว่า จุดยืนของท่านคือเมื่อพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากก็ต้องเป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาล และท่านก็สนับสนุนให้พรรคพลังประชาชนเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาล และพรรคชาติไทยก็พร้อมที่จะร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตามนายบรรหารได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองและเห็นว่าจะทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหา ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ก็ได้มีการต่อสายอย่างไม่เป็นทางการเพื่อหารือขอให้ร่วมรัฐบาลแล้ว “เติ้ง”ยึดหลักการไม่ปันใจ ขณะที่นายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับแกนนำพรรคพลังประชาชนว่า หลักการของพรรคชาติไทยที่ยึดมา 30 ปี ไม่เคย เปลี่ยนแปลง ถ้าพรรคใดมีคะแนนเสียงข้างมากต้องให้โอกาสพรรคนั้นจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ถ้าจัดไม่ได้ก็ต้องให้พรรคอันดับถัดไป ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชาชนที่จะจัดตั้งรัฐบาล เราจะไม่เข้าไปก้าวก่ายว่าใครจะมาเป็นผู้นำรัฐบาล แต่ได้ฝากข้อสังเกตไว้ว่าคนในพรรคพลังประชาชนมีมากต้องดูให้รอบคอบเหมาะสม เพราะคนที่ เป็นผู้นำรัฐบาลต่อไปจะต้องมีความพยายามสมานฉันท์ มีลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย ประสานความสามัคคีทุกกลุ่มได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่อาจจะมีงูเห่าจากพรรคพลังประชาชนไปร่วมจัดตั้งอีกขั้วหนึ่ง นายบรรหาร กล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่าจะมีหรือไม่ เมื่อถามต่อว่าหากมติของพรรคพลังประชาชนที่ออกมาผิดไปจากข้อสังเกตที่ฝากไว้ นายบรรหาร กล่าวว่า ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ทั้งนี้พรรคชาติไทยจะมีการประชุมเพื่อขอมติพรรคในวันที่ 11 ก.ย. เวลา 09.00 น. “ป๋าเหนาะ”ชู2ขั้วจูบปากซะ ที่บ้านพักเมืองทองธานี 3 เวลา 14.00 น. นายสมชาย นายสมพงษ์ และนพ.สุรพงษ์ ได้เดินทางเข้าหารือกับนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เพื่อหารือถึงการสรรหานายกฯคนใหม่และจัดตั้ง ครม.ชุดใหม่ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ภายหลังนาย สมชาย กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนมีเสียงไม่พอจัดตั้งรัฐบาลจึงต้องเข้าพบหัวหน้าพรรคร่วม เพื่อขอให้จัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งซึ่งนายเสนาะไม่ขัดข้อง ส่วนการสรรหาผู้ที่จะมาเป็นนายกฯนั้นขอให้พรรคพลังประชาชนเป็นผู้ดำเนินการ ด้านนายเสนาะ กล่าวว่า ตนเล่นการเมืองมาจนถึงอายุ 75 ปี ก็เพิ่งจะเคยเห็นศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ถือเป็นครั้งแรกในการปกครองของประเทศไทย ทั้งนี้ในการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนมีข้อเสนอ 4 แนวทางคือ 1.ให้ 2 พรรคการเมืองใหญ่จับมือกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อรักษาบ้านเมือง หากให้ผู้นำฝ่ายค้านขึ้นมาเป็นนายกฯแม้พันธมิตรฯจะยอมจบ แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะรุนแรงเพราะคนส่วนใหญ่เลือกรัฐบาลให้มาทำงาน ตนพูดอะไรไม่เคยผิดจึงอยากให้นายสนธิ ลิ้มทองกุลและพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ รับฟังเรื่องการเมืองขอให้พักไว้เอาบ้านเมืองไว้ก่อน อย่าเอา“สมัคร”มาเติมไฟ นายเสนาะ กล่าวอีกว่า 2.ให้พรรคพลังประชาชนล้างภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณออกให้หมด ข้อ 3.ให้มีการเจรจาระหว่างพรรคพลังประชาชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ และ 4.ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ พรรคพลังประชาชนก็อย่าท้าทาย ตรงนี้คือวิกฤติที่เราต้องร่วมกันแก้ ในเมื่อนายสมัครถูกศาลตัดสินพ้นจากนายกฯแล้ว ใครก็อย่าไปเอาคนที่เป็นเป้าเข้ามาวันนี้ใครก็ได้ตนไม่ได้เกลียดนายสมัคร แต่ถ้าเอานายสมัครเข้ามาก็เหมือนกับเอามาฆ่าและฆ่าประเทศชาติไปด้วย ดังนั้นจะเป็นใครก็ได้เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แต่ถ้าตนเตือนแล้วไม่ฟังและก็ยังดื้อ ตนก็คงต้องพิจารณาตัวเอง อาจจะไม่ไปโหวตในวันศุกร์นี้ ที่กระทรวงแรงงาน นางอุไรวรรณ เทียนทอง รักษาการรมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวพรรคพลังประชาชนอาจเสนอชื่อนายสมัคร ให้ที่ประชุมสภาเลือกให้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯอีกครั้งว่า เรื่องนี้ต้องถามนายเสนาะว่าจะเอาอย่างไร บางเรื่องตนไม่สามารถพูดตอบแทนพรรคได้ ส่วนการจะถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ส่วนตัวมองว่าคนเรามีความเป็นคน หลักการการอยู่ร่วมกัน การซื่อสัตย์กับพวกพ้องเป็นเรื่องสำคัญ คนเราต้องมีจุดยืนตรงนี้ “ไพจิต”แย้มได้เจรจาปชป. ที่รัฐสภา เวลา 09.45 น. นายไพจิต ศรีวรขาน รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา พรรคพลังประชาชน กล่าวยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ แต่ต้องดูว่าจะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันได้หรือไม่ เพราะเราต้องฟังเสียงประชาชนด้วยว่าจะมีความเห็นอย่างไร การที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเคลื่อนไหวขณะนี้ถือเป็นกลยุทธ์ทางการเมือง อย่างหนึ่ง แต่ยอมรับว่าการที่ส.ส.จะเดินหน้า หรือถอยหลังบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะต้องดูว่าอยู่ฝั่งไหนแล้วจะได้เป็นส.ส.หรืออยู่ฝั่งไหนแล้วจะสอบตก นายไพจิต กล่าวว่า ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคพลังประชาชนออกมาแถลงว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกฯนั้น ก็เป็นเพียงแค่เสียงส่วนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่มติ ของพรรคทั้งหมด ต้องขอขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังจะสนับสนุนคนของพรรคพลังประชาชน ให้เป็นนายกฯอยู่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกฯอีกครั้ง เพราะไม่ว่าจะเสนอใครขึ้นมาก็ไม่ถูกใจคนทั้งหมดอยู่แล้ว แต่หากไม่ใช่นายสมัครก็จะเสนอชื่อคนที่ 6 ที่พรรคพอใจเพื่อลดแรงเสียดทานทางการเมือง สายเหนือเทใจอุ้ม“สมัคร”สู้ ที่ทำการพรรคพลังประชาชน ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการหารือของส.ส.ภาคเหนือกรณีการลงคะแนนเพื่อสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯอีกครั้ง โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการรมว.คมนาคม นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รักษาการรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ส.ส.สัดส่วนและรองหัวหน้าพรรค เข้าร่วมประชุม นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน เปิดเผยหลังการประชุมว่า ทุกกลุ่มยังเห็นตรงกันว่าสถานการณ์อย่างนี้ไม่มีใครเหมาะสมกว่านายสมัคร ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเสนอชื่อนายสมัครอาจถูกแรงต้าน นายสงวนกล่าวว่า ไม่ว่าจะเสนอใครมาก็ถูกต่อต้านทั้งนั้น เราไม่ได้ต่อสู้กับอำนาจในระบบ เราสู้กับอำนาจนอกระบบ เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาระบบไว้ไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ กล่าวว่า เรื่องคดีหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม.ที่ศาลอุทธรณ์จะตัดสินในวันที่ 25 ก.ย.นั้น เชื่อว่าไม่น่าเป็นอะไรเพราะว่าคดีดังกล่าวต้องว่าไปถึงศาลฎีกา 11ก.ย.พปช.โหวตเลือกนายกฯ ขณะที่ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษก พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า ยืนยันว่าพรรคสนับสุนนนายสมัครให้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งเนื่องจากเป็นผู้มีประสบการณ์การเมือง เป็นผู้อาวุโส และเชื่อว่ากระแสสนับสนุนนายกฯคนใหม่ คงไม่ไปตกอยู่ที่นายบรรหารเพราะนายบรรหารเองก็พูดชัดเจนว่าไม่ขอรับ ส่วนรายชื่อผู้ใหญ่ของพรรคที่เป็นตัวเลือกสำรองนั้น พรรคไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเพราะมั่นใจว่านายสมัครจะตอบรับกลับมานำพาพรรคอีกครั้ง ขณะนี้ผู้ใหญ่ในพรรคกำลังประสานงานกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลให้มาร่วมกันทำงานเหมือนเดิมโดยจะมี ความชัดเจนในวันที่ 11 ก.ย. ที่กระทรวงการคลัง นพ.สุรพงษ์ เปิดเผยว่า วันที่ 11 ก.ย. จะมีการประชุมพรรคพลังประชาชนเพื่อพิจารณารายชื่อนายกฯ จากนั้นจะเสนอเข้าที่ประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯโดยหัวหน้าพรรคมีสิทธิถูกเสนอชื่อ แต่สุดท้ายแล้วจะเสนอใครต้องเป็นมติของพรรค ส่วนกระแสว่าตนจะเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ถูกเสนอเป็นนายกฯ คงเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึงอาจไม่เหมาะสมหาก จะให้ระบุว่าตนมีความพร้อมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่านายกฯจะต้องมาจากพรรคพลังประชาชน “สมพงษ์”ออกตัวยังไม่ถึงเวลา ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวที่ว่าจะถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯคนใหม่ว่า ขอบคุณที่ให้เกียรติ แต่คงไม่ใช่ตนอาจเป็นความเข้าใจผิดเพราะชื่อขึ้นต้นด้วย “ส.” เหมือนกัน ส่วนการที่พรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอชื่อบุคคลมาเป็นนายกฯคนใหม่นั้น พรรคร่วมรัฐบาลยินดีที่ดำเนินการทางการเมืองเหมือนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาย บรรหาร เป็นคนที่มีหลักการโดยเห็นว่าเมื่อพรรคพลังประชาชนมีส.ส.มากที่สุดฉะนั้นต้องให้พรรคพลังประชาชนดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามต่อว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ส.ส. พรรคพลังประชาชนจะเสนอชื่อนายบรรหารเป็นนายกฯ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับตัวนายบรรหารแต่ตนไม่ทราบเพราะต้องอยู่ที่ที่ประชุมพรรคพลังประชาชน ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่พรรคพลังประชาชนจะเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกฯอีกครั้งได้มองถึงเรื่องการได้รับการยอมรับจากสังคมหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า การพิจารณาใด ๆ ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯซึ่งมองดูไม่ว่าใครจะมาพันธมิตรฯก็คงไม่เอาอยู่แล้ว ทั้งนี้ในใจของตนคิดว่าผู้ที่มีความเหมาะสมคือนายสมัคร แต่จะเป็นนายสมัครหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค “เชาวริน”ค้านโหวตให้“หมัก” นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร สมาชิกกลุ่มอีสานพัฒนา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ส.ส.ในกลุ่มสนับสนุนนายสมชาย เป็นนายกฯเนื่องจากมีความเหมาะสม ส่วนที่มี ส.ส. บางคนออกมาสนับสนุนให้นายสมัคร เป็นเพียงความเห็นของคนกลุ่มเดียว ไม่ใช่มติของพรรค แต่เชื่อว่าปัญหาเรื่องการเสนอผู้เหมาะสมเป็นนายกฯ จะไม่บานปลายกลายเป็นความแตก แยกภายในพรรคพลังประชาชน จนนำไปสู่การเปลี่ยนขั้วการเมือง ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงความเหมาะสมของนายสมัคร หากจะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯอีกครั้งว่า นอกจากศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติความเป็นนายกฯแล้ว ยังมีคดีหมิ่นประมาทที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาในวันที่ 25 ก.ย.นี้ด้วย จึงควรเปิดโอกาสให้พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลได้เสนอชื่อบุคคลอื่นที่มีความเหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯก็ยังไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ ในเรื่องนี้ “ยุทธ ตู้เย็น”ระดมส.ส.หารือ ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซ เวลา 12.00 น. นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้เรียกประชุมส.ส.พรรคพลังประชาชนประมาณ 80 คนจากกลุ่มต่าง ๆ เพื่อหาข้อสรุปกรณีการเสนอชื่อผู้เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯโดยได้ปิดห้องประชุมชั้น 14 หารือลับนานเกือบ 2 ชั่วโมง ภายหลังการประชุมนายยงยุทธ แถลงว่า ไม่ขอบอกจำนวนส.ส.ที่มาประชุมเดี๋ยวจะหาว่าเอาไปต่อรองแต่สาระสำคัญคือเราหวังว่าอยากจะให้มีเวทีในการแสดงความคิดเห็น บางครั้งการที่เราติดหล่มอยู่กับตำแหน่ง หรืออำนาจหน้าที่เกรงว่าอาจจะมองปัญหาบ้านเมืองในวันข้างหน้าไม่ชัดเจนว่าควรจะเดินไปอย่างไร นายยงยุทธ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้ตนไปพูดคุยกับนายสมัคร โดยนำความคิดเห็นต่าง ๆ ไปเล่าให้ฟังและได้สัญญากันว่าเราจะไม่เปิดเผย แต่ยังไม่ทราบว่านายสมัครจะให้เข้าพบหรือไม่ แต่ตนพร้อมถ้ายิ่งเร็วก็เป็นการดีทุกอย่างจะได้จบ ทั้งนี้ สมาชิกได้แสดงความเห็นว่าการประชุมลงคะแนนเลือกนายกฯในวันที่ 12 ก.ย. เกรงว่าจะเป็นการกะทันหันไป น่าจะเลื่อนเป็นวันที่ 15 หรือ 17 ก.ย. ก็ยังไม่สาย ตอนนี้ปัญหาของบ้านเมืองก็เป็นเรื่องใหญ่จะมาคิดเป็นเรื่องส่วนตัวคงไม่ได้ แต่ตนยืนยันว่าวันนี้จะไม่มีการเปลี่ยนขั้วอย่างแน่นอน จึงไม่ต้องไปคิดว่าจะมีงูเห่าหรืองูจงอาง ดัน“สมพงษ์”วัดดวงนายกฯ แหล่งข่าวจากที่ประชุมร่วมกับนายยงยุทธ เปิดเผยว่า ความเห็นของที่ประชุมออกมาในทิศทางเดียวกันโดยไม่ต้องการให้นายสมัครกลับมารับตำแหน่งนายกฯ โดยมีความกังวลกรณีที่ศาลอุทธรณ์จะตัดสินคดีหมิ่นประมาทแล้วจะมีปัญหาตามมาอีก นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นว่านายสมัครมีบุคลิกที่แข็งกร้าว หากนายสมัครกลับมารับตำแหน่งอีกครั้งจะเป็นเงื่อนไขสำคัญให้กลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนไหวรุนแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังประเมินกันว่ามีแนวโน้มสูงที่นายสมัครจะถอดใจไม่รับตำแหน่ง แหล่งข่าวยังระบุว่า ที่ประชุมจึงมีความเห็นถึงแคนดิเดต โดยมองว่ามี นายสมชาย, นายสมพงษ์ และนพ.สุรพงษ์ โดยที่ประชุมได้หารือเพื่อแยกแยะคุณสมบัติของแต่ละคนว่านายสมชายเป็นคนนิ่มนวลประนีประนอม สายสัมพันธ์ดีกับตุลาการเพราะรับราชการในกระทรวงยุติธรรม มาตลอด ส่วนนายสมพงษ์ มีความกว้างขวางในแวดวงการเมืองประสานงานได้กับทุกพรรค โดยเฉพาะกลุ่ม 16 และคุ้นเคยกับนายเนวิน ชิดชอบ ขณะที่นพ.สุรพงษ์ เป็นมันสมองของพรรคในการคิดนโยบายมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย เห็นว่าไม่ควรปล่อยให้บอบช้ำจากสถานการณ์ทางการเมืองมากนัก เพราะในวันข้างหน้าจะยังมีบทบาทสำคัญภายในพรรค โดยต่างเห็นพ้องกันว่านายสมพงษ์น่าจะเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้มากกว่า เปิดอภิปรายก่อนฟรีโหวต เมื่อเวลา 20.45 น. พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เปิดเผยถึงขั้นตอนการประชุมสมาชิกพรรคพลังประชาชนว่า ได้นัดประชุมในเวลา 09.00 น. มีวาระเพื่อพิจารณาคัดเลือกบุคคลเพื่อเสนอให้ที่ประชุมสภาพิจารณาคัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ในการประชุมจะเปิดให้สมาชิกมีอิสระในการเสนอรายชื่อ จากนั้นจะให้สมาชิกได้อภิปรายคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ระหว่างนี้ถ้าใครจะถอนตัวก็เป็นสิทธิ แล้วในที่สุดก็จะให้ลงมติ จากนั้นเวลา 13.30 น. พรรคพลังประชาชนจะนำผลการประชุมไปแถลงกับพรรคร่วมรัฐบาลที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ พ.ต.ท.กานต์ เปิดเผยอีกว่า เบื้องต้นคาดว่าจะมีการเสนอรายชื่อนายสมชาย และนายสมัคร ให้ที่ประชุมได้อภิปรายและลงมติกันด้วย แต่ก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่าที่ประชุมจะลงมติกันอย่างไร ทั้งนี้ หากในพรรคคุยกันไม่จบก็ต้องขอเลื่อนกำหนดนัดกับทางพรรคร่วมออกไปก่อน หรือหากพรรคมีมติแต่พรรคร่วมไม่เห็นด้วยก็ต้องเลื่อนการประชุมสภาออกไปอีก 12 ก.ย. ไม่เลื่อนประชุมสภา ที่รัฐสภา นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่า เป็นการเตรียมความพร้อมในการประชุมสภา เพราะการประชุมในวันพุธและพฤหัสฯมีวาระอยู่แล้ว ส่วนวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. เวลา 09.30 น. ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กำหนดให้มีการประชุมเพื่อเลือกนายกฯคนใหม่ และแต่ละพรรคจะต้องเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมประชุม ซึ่งในที่ประชุมวิปไม่ได้วางตัวว่าใครจะมาเป็นนายกฯ ทั้งนี้พรรคพลังประชาชนจะต้องมีมติว่าจะเสนอใครขึ้นเป็นนายกฯ เมื่อถามว่า ในที่ประชุมวิปได้มีการสอบถามสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลที่เข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่ว่ายังสนับสนุนพรรคพลังประชาชนอยู่หรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า วิปมาเข้าร่วมประชุมครบทุกพรรค ไม่มีใครคิดเป็นอย่างอื่น คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ขั้วพลิกปชป.พร้อมเป็นรัฐบาล ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงว่า วิปฝ่ายค้านจะเสนอให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เลื่อนการประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯออกไปเป็นวันที่ 15-17 ก.ย. เพราะเห็นว่ากำหนดการเดิมที่ให้เลือกนายกฯในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้เร็วเกินไป เหมือนรัฐบาลต้องการรวบรัด นอกจากนี้พรรคพลังประชาชนยังไม่มีความชัดเจนใน การเลือกตัวบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯและหากมีการเสนอชื่อนายสมัครอีกก็เกรงว่าจะไม่สามารถคลี่คลายวิกฤติได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ประวิงเวลาการเลือกนายกฯเพราะหวังให้มีการสลับขั้วหรือไม่ นายสาทิตย์ ตอบว่า ไม่ได้หวังอะไร แต่ถ้าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในฐานะพรรคลำดับถัดไป หากรวมเสียงกับพรรคขนาดเล็กแล้วจะมีเสียงมากกว่าพรรคพลังประชาชนถึง 20 กว่าเสียงเกินครึ่งหนึ่งและ เพียงพอต่อการผ่านกฎหมายได้ แต่หากเป็นสูตรพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกันตั้งรัฐบาลกับพรรคพลัง ประชาชนนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะแนวทางของทั้งสองพรรคไม่ตรงกัน ทวงคำขอโทษจาก“สมัคร” นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้นายสมัครพ้นจาก ตำแหน่งนายกฯจากการรับจ้างจัดรายการโทรทัศน์ว่า ยังมีสื่อต่างประเทศแสดงความสงสัยว่านายสมัคร ต้องออกจากตำแหน่งเพียงแค่จัดรายการทำอาหารเท่านั้น แต่ความจริงมีประเด็นจริยธรรม ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา ดังนั้นนายสมัคร จึงไม่เหมาะสมเป็นนายกฯอีก ด้านนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้เรายังไม่ได้ยินการแสดงความรับผิดชอบคำขอโทษ และคำแสดงความเสียใจจากนายสมัครและพรรคพลังประชาชน หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเพราะนายสมัคร โกหกศาล ให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ปลอมแปลงเอกสารย้อนหลัง “เทพเทือก”ปัดต่อสายล็อบบี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ต่อสายพูดคุยกับ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหมและอดีตสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เพื่อให้ช่วยประสานพรรคร่วมรัฐบาลจัดตั้งรัฐบาลว่า ไม่มีการต่อสายไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองหรือคนอื่น ๆรวมถึงพล.อ.วินัย แต่พูดคุยกับนายสกลธี ภัททิยกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบุตรชายของพล.อ.วินัยเป็นประจำ เพราะอยู่พรรคเดียวกัน อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของตน เมื่อถามว่าการตั้งรัฐบาลแห่งชาติเป็นการสมประโยชน์กันของทุกฝ่ายหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติและส่วนรวม ถ้าเรายังยึดติดกับผลประโยชน์ของนักการเมืองและพรรคการเมือง เราก็แก้ปัญหาของชาติไม่ได้ ส่วนนายสาทิตย์ กล่าวว่า แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าพล.อ.วินัย เป็นพ่อของนายสกลธี แต่ตนยืนยัน ว่าข้อเท็จจริงทำไม่ได้ การปล่อยข่าวลักษณะนี้มีเป้าหมายดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ “มาร์ค”ลุ้นรัฐบาลแห่งชาติ ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า สิ่งที่สังคมต้องการคือการคลี่คลายวิกฤติ ตนอยากให้ส.ส.ทุกพรรคใช้เวลา 2 วันก่อนประชุมเพื่อเลือกนายกฯ เพราะไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถแก้วิกฤติได้และคงยากที่จะบริหารประเทศ เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์เคยคัดค้านการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่เหตุใดตอนนี้มีท่าทีเปลี่ยนไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลแห่งชาติที่ทุกพรรคเข้าไปแบ่งอำนาจกันคงไม่ใช่คำตอบ ต้องเป็นรัฐบาลแห่งชาติที่ทุกคนมีส่วนร่วมและมีภารกิจชัดเจน ตามรัฐธรรมนูญก็ไม่น่าสบายใจในเรื่องไม่มีฝ่ายค้าน ส่วนจะเริ่มได้หรือไม่ก็อยู่ที่การพิจารณาของทุกพรรค เมื่อถามว่า พร้อมที่จะเสนอตัวเป็นนายกฯหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่อยากให้เป็นเรื่องของการเสนอตัว แต่ตนต้องการความ เป็นไปได้ที่ทุกพรรคจะมาในแนวทางนี้ แต่ถ้ามาทางนี้ไม่ได้ก็ไปทางอื่นต่อ อย่าไปกำหนดให้เป็นเงื่อนไข อย่างไรก็ตามถ้ามีการเสนอจากสภาให้ตนเป็นนายกฯ ตนก็พร้อม อธิการมธ.ค้านอุ้ม“สมัคร” ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เขียนบทความเสนอความเห็นไม่ให้พรรคร่วมนำนายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง โดยระบุเหตุผลว่าจะเป็นการตบหน้าศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำวินิจฉัยชี้ให้เห็นถึงปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน นอกจากนี้จะทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากนายสมัครมีนิสัยก้าวร้าวรุนแรง ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว เมื่อสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นเท่ากับเปิดทางให้เกิดรัฐประหาร ในบทความดังกล่าวยังระบุด้วยว่า หากเรามีนายกฯที่เอาแต่กราบบังคมทูล กราบบังคมทูล และกราบบังคมทูล โดยไม่ได้ขอพระราชทานพระราชวินิจฉัย รัฐบาลก็จะไม่ได้รับคำแนะนำที่จะเป็นประโยชน์แก่การแก้วิกฤติของประเทศจากองค์พระประมุขได้ นอกจากนี้ ยังพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง กรณี 6 ตุลา 2519 ได้ระบุว่ามีคนเสียชีวิตแค่ 1 คน ทำให้เกิดข้อกังขาในเรื่องจริยธรรม หากนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งก็จะเป็นการเพิ่มความทุกข์ให้กับคนไทยหาความสงบไม่ได้ “สมัคร”ไปงานศพงดจ้อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดทั้งวันนายสมัครไม่มีภารกิจใด ๆ เมื่อตรวจสอบกับคนใกล้ชิดได้รับแจ้งว่านายสมัครทำธุระส่วนตัว ทั้งนี้ในช่วงเช้าได้ไปตลาดและทำบุญ ต่อมาในเวลา 17.00 น. นายสมัครได้เดินทางไปที่วัดบึงทอง หลาง เขตวังทองหลาง เพื่อเป็นประธานงานฌาปนกิจศพนายสมศักดิ์ บุญครอบ ข้าราชการทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทำหน้าที่ขับรถให้กับนายสมัคร โดยนายสมัครได้เดินทางมาร่วมงานประมาณ 10 นาที แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามว่าหากมีการโหวตให้กลับมาเป็นนายกฯ พร้อมที่จะกลับมาทำหน้าที่หรือไม่ นายสมัคร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงสีหน้าเรียบเฉย เรียกประชุมครม.นัดพิเศษ ที่บ้านพิษณุโลก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาราชการแทนนายกฯ ได้เรียกประชุมหัวหน้า ส่วนราชการและหน่วยงานในสังกัดทำเนียบ รัฐบาล ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นนายสมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า เรียกประชุมเพื่อขอคำแนะนำในระหว่างรักษาราชการแทนนายกฯ แต่ทั้งนี้ได้นัดประชุมครม.นัดพิเศษเวลา 20.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อหารือในประเด็น ต่าง ๆ ที่ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นที่นายสมัครลงนามในคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการการเมืองไว้ ถือว่าต้องสิ้นสภาพไปด้วย ซึ่งจะมีการพิจารณาแต่งตั้งขึ้นใหม่ นายสมชาย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังต้องมีการพิจารณาแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นตนเองก็ได้ ในส่วนรมว.การต่างประเทศซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแต่ยังไม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์นั้น ต้องมีการพิจารณาให้ชัดเจนและดำเนินการให้ถูกต้องว่าจะเป็นอย่างไร แต่รมว. กลาโหมได้ให้ปลัดกระทรวงกลาโหมทำหน้าที่ แทนซึ่งเป็นไปตามกฎของทหาร ยื่นสั่งริบ 772 ล.ที่ดินรัชดา นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษก กล่าวว่า อัยการได้ยื่นคำแถลงปิดคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคำแถลงปิดคดีอัยการยืนยันที่จะให้ศาลพิพากษาสั่งริบที่ดินและเงินซื้อขายที่ดินมูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ด้วยตามคำขอท้ายฟ้อง ด้านนายคำนวณ ชโลปถัมภ์ หนึ่งในทีมทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน กล่าวว่า หลังจากที่ทั้งสองท่านประสงค์เปลี่ยนทีมทนายตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. ถึงบัดนี้ ยังไม่ได้รับการมอบหมายจากทั้งสองที่จะให้ยื่นคำแถลงปิดคดี ทั้งนี้ในชั้นไต่สวนของคตส. ทั้งสองได้ยื่นคำให้การไว้แล้ว และยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรในชั้นสอบปากคำให้การจำเลย ดังนั้นการไม่ยื่นแถลงปิดคดีจึงไม่ส่งผลต่อรูปคดีที่จะทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือเสียโอกาสในการสู้คดี เพราะฝ่ายจำเลยได้นำสืบพยานครบถ้วนและซักค้านพยานโจทก์เต็มที่แล้ว.
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=176473&NewsType=1&Template=1
นายประสพโชติ ปรีชาวรพิชญ์
5131601387 sec.02
ใครสมควรเป็นนายกของพวกเรา?
นายกสมควรลาออกหรือไม่
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น