ใครสมควรเป็นนายกของพวกเรา?

นายกสมควรลาออกหรือไม่

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551

ตร.-ทหาร5พันนาย ตรึงรัฐสภา รับมือ"นปช."ชน"พธม."




ตร.-ทหาร5พันนาย ตรึงรัฐสภา รับมือ"นปช."ชน"พธม."ม็อบหนุนสมัคร ทยอยแห่เข้ากรุง แกนนำฉุนการ์ด สั่งห้ามทำร้ายเห้ ยะใสขู่อีก-ปฏิวัติ
รอม็อบ- ตร.ปราบจลาจลพร้อมโล่จำนวนเกือบ 2 พันนาย เข้ามาตรึงกำลังภายในและรอบๆ รัฐสภาแล้ว เตรียมรับมือม็อบที่อาจบุกมาประท้วงในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นวันประชุมสภานัดพิเศษเพื่อโหวตเลือกนายกฯ ใหม่ตร.-ทหารระดมกำลัง 5 พันนายตรึงรัฐสภารับมือ 2 ม็อบเผชิญหน้าวันนี้ เยาวชนกู้ชาติพันธมิตรประกาศเคลื่อนขบวนไปปักหลักกดดันส.ส.ไม่ให้โหวตเลือก"หมัก"กลับมาเป็นนายกฯขณะที่นปช.ระดมพลจากหลายจังหวัดเข้ากรุงหนุนหมักเต็มตัวที่รัฐสภาเช่นกัน จนตร.ต้องเสริมกำลัง ประสานกองทัพภาค 1 ส่งกำลังเสริมเพราะหวั่นเกิดประจันหน้า พธม.ลั่นหากเผชิญหน้ากันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ผบ.ทบ.ออกมาเสนอให้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะประเมินสถานการณ์แล้วไม่จำเป็น แต่จะกระทบต่อสังคม ย้ำผู้ชุมนุมต้องปราศจากอาวุธเด็ดขาด ทอท.เปิดดอนเมืองให้เป็นทำเนียบสำรองแล้ว ตร.เตรียมขออนุมัติหมายจับมือปืนยิงม็อบนปช.แล้วเป็นชายวัยกลางคนอายุ 50 ปี สวมหมวกกันน็อกสีเขียวขี้ม้า ขณะที่บรรยากาศพธม.ยึดทำเนียบวันที่ 17 เริ่มเงียบเหงา น้ำเน่าเสียเหม็นตลบ ขยะอุดตันท่อระบายน้ำไปหมด แกนนำพธม.เต้นผางการ์ดแขวนคอฆ่า"เห้" ลั่นสั่งห้ามทรมานสัตว์เด็ดขาด ยิงหนังสติ๊ก-จับมาแห่ก็ไม่ได้ ศาลให้ประกันอีก 2 นักรบศรีวิชัยป่วยเป็นเบาหวาน "ยะใส"แถลงอัดพรรคร่วมชุบชีวิตหมัก อาจทำให้เกิดรัฐประหารได้-ฝนถล่มแต่เช้า-พธม.เงียบเหงาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นวันที่ 17 บรรยากาศเงียบเหงา ช่วงเช้ามีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ท่อน้ำบริเวณทำเนียบท่วมขังและเอ่อล้น กทม.ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาขุดดินเป็นทางลอดใต้รั้วทำเนียบด้านคลองผดุงกรุงเกษม ให้น้ำระบายออกโดยเร็ว เพราะท่อน้ำภายในทำเนียบใช้การไม่ได้ เนื่องจากอุดตันจากเศษขยะที่ผู้ชุมนุมทิ้งลงท่อ ส่วนบริเวณซอกตึกนารีสโมสรและตึกสันติไมตรีที่กลุ่มพันธมิตรใช้ทำเป็นที่อาบน้ำชั่วคราวส่งกลิ่นเหม็นอบอวลไปทั่ว น้ำไม่สามารถระบายได้ มีผ้าปูพื้นจำนวนมากของผู้ชุมนุมถูกทิ้งอยู่ตามพื้นโดยรอบของทำเนียบรัฐบาลเวลา 10.00 น. ที่ห้องสื่อมวลชน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ว่ายังคงยืนยันคำเดิมคือไม่เอานายสมัครหรือคนในพรรคพลังประชาชน แม้หากเป็นคนในพรรคร่วม 5 พรรคก็ไม่เห็นด้วยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ระบุให้รักษาการนายกฯยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นเป็นความเห็นส่วนตัวของผบ.ทบ. แต่นักธุรกิจทั่วโลกเข็ดขยาดกับพ.ร.ก.ฉุกเฉินมาก เนื่องจากรู้ว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของนายสมัคร เป็นการสร้างสถานการณ์ ไม่ใช่เกิดขึ้นด้วยสาเหตุของการจลาจล ตนมองว่าระบบรัฐสภาล้มเหลว อำนาจบริหารและนิติบัญญัติ เป็นเผด็จการทุนนิยม ผูกขาดรัฐสภา เสียงข้างมากยกมือตามวิปรัฐบาล ไม่ได้ยกมือด้วยสมองคิด ถือว่าไม่ใช่เป็นผู้แทนของประชาชน แต่เป็นผู้แทนของพรรคทั้งสองอำนาจนี้ไม่เคยหวังเพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ตรงนี้ทำให้พันธมิตรต้องออกมาเรียกร้องแก้ไข ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ระบบรัฐสภาที่ขณะนี้เหมือนสภาโจ๊ก หลอกลวงประชาชนไปวันๆ วันนี้รัฐสภาพยายามแก้รัฐธรรมนูญเล่นงานตุลาการ และช่วยเหลือรัฐบาล-โวยรัฐบาลประจานตัวเองต่อข้อถามว่ารัฐบาลจะปล่อยให้พันธมิตรชุมนุมต่อที่ทำเนียบ และรัฐบาลจะใช้สนามบินดอนเมืองเป็นที่ทำงานแทน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เท่ากับประจานตัวเอง ดื้อด้าน ดันทุรังไม่มีประเทศไหนในโลกที่รัฐบาลต้องไปประชุมตามตึกร้างหรืออาคารเก่าๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ถ้าคนทั่วโลกรู้ก็คงสมเพชเวทนาว่าทำไมนักการเมืองชุดนี้ยังหน้าด้านอยู่ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนต่อข้อถามว่ามีนักธุรกิจเสนอชื่อนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ เป็นนายกฯ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรไม่เคยพูดถึงใครที่จะให้มาเป็นนายกฯ กลุ่มพันธมิตรพูดแค่เป็นหลักการว่าคนที่จะมาเป็นผู้นำประเทศ ต้องมีทศพิธราชธรรมในการบริหาร คนที่ไม่มีก็ไม่ควรเข้ามาปกครองประเทศ เมื่อถามว่าหากเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ กลุ่มพันธมิตรจะยุติการชุมนุมหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้นต้องดูตามสถานการณ์ก่อน ต้องหารือกันอีกครั้ง แต่หากพรรคพลังประชาชนจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรมองว่าเป็นเรื่องในอนาคต ซึ่งการชุมนุมต่อต้าน ต้องดูตามสถานการณ์ต่อข้อถามว่ากลุ่มพันธมิตรคิดว่าประชาชนจะยอมรับนายกฯพระราชทานหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่ทราบว่านายกฯ พระราชทานคืออะไร เนื่องจากเป็นอำนาจที่อยู่เหนือกว่าที่เราคิด เราไม่พูดอะไรที่เกินขอบเขตของเรา ส่วนมาตรา 7 เป็นการพระราชทานนายกฯ ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯ ซึ่งในสมัยนี้จะมีนายกฯพระราชทานเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ต้องมีการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นไปตามพระราชอำนาจ ไม่อาจไปแสดงความเห็นได้-เยาวชนกู้ชาติฮึ่มบุกสภาจากนั้นเวลา 10.30 น. นายวสันต์ วาณิชย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติ หรือ Young PAD กล่าวว่า วันที่ 12 ก.ย. เวลา 08.00 น. จะนัดชุมนุมใหญ่นักศึกษา ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ จากนั้นจะเดินทางไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เพื่อคัดค้านการเสนอชื่อนายสมัคร ขึ้นเป็นนายกฯอีกครั้ง พร้อมเรียกร้องให้ส.ส.เลือกนายกฯ ที่มีจริยธรรมทางการเมือง ไม่มีมลทิน ทั้งนี้การชุมนุมในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย สันติวิธี ไม่มีการปิดถนนและบุกเข้าไปในสภา แม้จะมีนักเรียนช่างกลจากหลายสถาบันเข้าร่วมชุมนุมด้วยก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกลุ่มพันธมิตรช่วยกันปลูกต้นข้าวในนาข้าวขนาดเล็กบริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งผ่านมา 4-5 วันแล้ว จากการสังเกตของผู้สื่อข่าว บริเวณรากไปจนถึงกลางลำต้นของต้นข้าวดังกล่าวมีสีเหลือง และเริ่มเน่า ใบเหี่ยวเฉา เนื่องจากขาดการดูแล น้ำไม่สะอาด และไม่มีระบบระบายน้ำที่ดี แต่กลุ่มพันธมิตรยังพยายามช่วยกันรักษาเพื่อให้ต้นข้าวดังกล่าวกลับมางอกงามเหมือนเดิม-ผบ.ทบ.เสนอเลิกพรก.ฉุกเฉินที่กองการบินกรมขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.และหัวหน้าผู้รับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ภาคใต้ถึงการยกเลิกพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ตนเรียนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้ประเมินสถานการณ์แล้วมีความเหมาะสมที่จะยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่กทม. เนื่องจากมีผลกระทบต่อสังคม ทั้งนี้ คณะกรรมการได้นำพ.ร.ก. ฉุกเฉินในแต่ละข้อมาวิเคราะห์ว่าดำเนินการได้มากน้อยเพียงใดพบว่า หากทำตามข้อกำหนดในพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะทำให้ความวุ่นวายตามมามากขึ้น โดยเฉพาะข้อที่ 1.ระบุว่าห้ามไม่ให้ชุมนุมเกิน 5 คน แต่เมื่อไปรวมกันเกิน 5 คน จะเป็นความผิดตามข้อกฎหมาย แต่หากประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วจะมีกฎหมายใดมารองรับนั้น ได้หารือระหว่างตำรวจและทหาร ประเมินว่ากฎหมายปกติดูแลสถานการณ์ได้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร้องขอและให้ทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ทั้งนี้ หากสถานการณ์มีความรุนแรง การประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกครั้ง เป็นหน้าที่ของรัฐบาลเมื่อถามว่าความคืบหน้าการเจรจากับกลุ่มพันธมิตร และรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น อยากให้สังคมหลีกเลี่ยงการปะทะกัน หรือยืนกรานทำความต้องการของตัวเองอย่างเดียว จึงต้องให้รัฐสภารับผิดชอบ ขณะนี้ทราบว่ามีการดำเนินการตามลำดับขั้น แต่จะเป็นอย่างไรต้องทำกันไป เรื่องความขัดแย้งไปอยู่ที่รัฐสภา คือการจัดตั้งรัฐบาลมากกว่า ปัจจัยที่จะเกิดความวุ่นวายเพิ่มขึ้นหรือลดลง ขึ้นอยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาลมากกว่า ทำให้การเจรจาลดความสำคัญลงไป-ชี้รบ.แห่งชาติเกิดขึ้นได้ยาก"ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ในฐานะที่ผมเป็นคนไทยคนหนึ่งอยากได้นายกฯแบบใดนั้น ผู้ที่สมควรเป็นนายกฯต้องเป็นคนที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ความขัดแย้งจะต้องหมดไปและมีทางออกของสังคม ทำให้ผ่านวิกฤตในช่วงนี้ไป และช่วยกันร่วมสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคม รวมทั้งประชาชนด้วย" พล.อ.อนุพงษ์กล่าวเมื่อถามว่าพรรคพลังประชาชนควรเสนอใครเป็นนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ใครก็ได้ที่ทำให้สถานการณ์และสังคมดีขึ้น น่าจะเหมาะสม ส่วนแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่คงยากที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเกิดขึ้นได้น่าจะเป็นทางออกที่ดี ทั้งนี้ นักการเมืองต้องเสียสละ-ย้ำชุมนุมโดยปราศจากอาวุธที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงผลกระทบหากดำเนินการตามพ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยมีใจความว่า กองอำนวยการแก้ไขสถาน การณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) และกองทัพบกประเมินพิจารณาสถานการณ์ในพื้นที่ กทม. ภาพรวมขณะนี้คลี่คลายปราศจากการปะทะกันระหว่างกลุ่มของประชาชน จนไม่ถึงขั้นเรียกว่าสถานการณ์ฉุกเฉินอีกต่อไป ที่ผ่านมากองทัพเลือกวิธีประสานการสร้างความเข้าใจกับทุกฝ่าย เพื่อลดเงื่อนไขต่างๆ ลงและหาทางออกให้กับบ้านเมืองโดยสันติวิธี ส่วนการดำเนินขณะนี้ของ กอฉ. ยังคงใช้กำลังตำรวจเป็นหลักดูแลการชุมนุมและเตรียมกำลังทหารจากกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อยของทุกเหล่าทัพไว้เป็นกำลังสนับสนุนอย่างเพียงพอ ขอให้เชื่อมั่นต่อมาตรการการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหนังสือระบุด้วยว่า อยากให้ผู้ชุมนุมทุกฝ่ายเคร่ง ครัดและชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ขอให้งดใช้อุปกรณ์อื่นใดที่อาจจะแปรสภาพเป็นอาวุธทุกประเภท ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นมีมายาวนาน ดังนั้น การประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ย่อมทำได้ยาก กอฉ.และกองทัพบกพิจารณาเห็นว่า การบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินในวันนี้ อาจส่งผลกระทบเสียหายวงกว้าง หากมีการประกาศยกเลิกในอนาคตอันใกล้ย่อมส่งผลไปในทางที่ดีมากกว่า กองทัพบกพร้อมสนับสนุนการทำงานของตำรวจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ทำให้เกิดความสงบสุขและเรียบร้อยในบ้านเมือง ซึ่งการชุมนุมแม้จะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่การชุมนุมที่ไม่ยอมลดเงื่อนไขใดๆ เลย มิใช่หนทางการแก้ปัญหาของบ้านเมือง การชุมนุมต่อเนื่องเป็นเวลานานย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความตั้งใจจริงที่จะปรึกษาหารือ เพื่อร่วมกันหาทางออกที่เป็นไปได้ในบ้านเมือง เพื่อรักษาระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เหงา- บรรยากาศของม็อบพันธมิตรฯ ภายในทำเนียบรัฐบาล ช่วงกลางวันวันที่ 11 ก.ย. เต็มไปด้วยความเงียบเหงา ระหว่างติดตามข่าวรัฐบาลสรรหานายกฯ ใหม่ ทั้งนี้แกนนำประกาศห้ามการ์ดม็อบฆ่าหรือจับตัวเงินตัวทองมาแห่อีกต่อไป-ทอท.พร้อมเปิดทำเนียบสำรอง ที่บริษัทท่าอากาศยานไทย นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ทอท.ว่า นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ได้สั่งการให้ ทอท.อำนวยความสะดวกในการใช้พื้นที่สนามบินดอนเมือง เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานของเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีชั่วคราว โดยจะใช้พื้นที่บริเวณอาคารเชื่อมต่อท่าอากาศยานดอนเมือง หรือเซ็นทรัล บล็อก บริเวณชั้น 4 ทั้งชั้น ซึ่งที่ผ่านมาใช้เป็นออฟฟิศของสายการบิน ขณะที่ยังไม่ได้ย้ายสนามบินไปใช้บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยนั้น จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ในส่วนของอาคารสำนักงานดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรี และตำรวจสันติบาล ดูแลความปลอดภัยของคณะรัฐมนตรี และบริเวณอาคารสำนักงาน ซึ่งมีความรัดกุมอยู่แล้ว ส่วน ทอท.จะรักษาความปลอดภัยอาคารโดยรอบ และในส่วนของอาคารผู้โดยสารที่เปิดใช้บริการ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามปกติ อย่างไรก็ตามหากมีผู้ชุมนุมมาปิดล้อมสนามบิน ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยหรือไม่นั้น เรื่องนี้ยังไม่สามารถระบุได้ แต่เชื่อว่าทางสนามบินและทีมสำนักนายกรัฐมนตรีจะมีมาตรฐานรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดอยู่แล้วสำหรับค่าใช้จ่ายในการใช้พื้นที่ดังกล่าว ในส่วนของพื้นที่ ทอท.จะไม่คิดค่าใช้จ่าย เนื่องจากสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานราชการ ส่วนค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคจะเป็นไปตามระเบียบของทอท. โดยต้องพิจารณาตามอัตราค่าภาระ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งอยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่พิจารณาระเบียบอยู่-ตร.เพิ่มกำลังตรึงรัฐสภาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลรัฐสภาในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ที่จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อคัดเลือกผู้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 7 กองร้อย 1,000 นาย เพื่อมาดูแลความสงบเรียบร้อย จากแต่เดิมที่วันนึงมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ 34 กองร้อย ใช้กำลังตำรวจประมาณ 5,000 นาย โดยรัฐบาลก็ได้อนุมัติงบกลางมาให้ เพื่อเป็นเบี้ยเลี้ยงในการควบคุมฝูงชนด้านพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผบช.ก. ในฐานะรองโฆษกตร. กล่าวเสริมว่า การคาดการณ์ว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมมากน้อยเท่าใด ขณะนี้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน ว่าจะเป็นกลุ่มไหนบ้างที่มาร่วมชุมนุม อย่างไรก็ตามคาดว่าการออกมาเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้คงไม่พัฒนาไปในแนวทางความรุนแรง ในสถานการณ์พ.ร.ก.ฉุกเฉินเช่นนี้ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถควบคุมให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้ และจะไม่เกิดเหตุการณ์บุกยึดรัฐสภาอย่างที่หลายฝ่ายวิตกแน่นอน-จ่อออกหมายจับมือยิงนปช.ส่วนกรณีความคืบหน้า ติดตามคดีมือปืนยิง นปช. นั้น พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งยืนยันว่าคดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ที่ไม่ได้ออกมาแถลงข่าวนั้น เนื่องจากเกรงว่าหากแถลงข่าวไปแล้วอาจจะไปเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนำมาโจมตีได้ โดยหากคดีมีความคืบหน้าไปมากจนสามารถสเกตช์ภาพคนร้ายได้ ก็จะมีการเผยแพร่สู่สาธารณชน ในการเป็นประโยชน์ในกระบวนการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไปด้านพ.ต.ท.นพคุณ ประทุมเพ็ชร พงส.(สบ 3) สน. นางเลิ้ง เจ้าของคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปะทะกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บหลายรายเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายภาพเคลื่อนไหวและภาพสเกตซ์ ที่นำมาประมวลได้จากกองทะเบียนประวัติอาชญากร (ทว.) รวมในสำนวนเพื่อเสนอศาลอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาในการออกหมายจับบุคคลตามภาพแล้วพ.ต.ท.นพคุณกล่าวว่า สำหรับบุคคลที่ออกหมายจับเป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงในที่เกิดเหตุ โดยลักษณะเป็นชายไทยอายุประมาณ 50 ปี รูปร่างสันทัด สูงประมาณ 165 เซนติเมตร สวมหมวกคล้ายหมวกกันน็อกสีเขียวขี้ม้า โดยได้แจ้งข้อหาชุลมุนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไว้ก่อน ส่วนข้อหาอาวุธปืนและอื่นๆ รวมอยู่ในนั้นด้วย อย่างไรก็ตามศาลจะพิจารณาว่าหลักฐานเพียงพอในการออกหมายจับหรือไม่ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป-จงรักชี้อย่าให้บ้านเมืองบอบช้ำพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. รักษาการผบช.น. กล่าวถึงการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนฯ เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 12 ก.ย.ว่า ได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร 9 กองร้อย รวม 1,350 นาย แบ่งเป็นตำรวจ 7 กองร้อย ทหาร 2 กองร้อย กำหนดใช้กำลังตำรวจประจำด้านหน้ารัฐสภา 1 กองร้อย ให้พกแต่โล่เท่านั้น ส่วนภายในรัฐสภาจัดกำลัง 2 กองร้อย มีอุปกรณ์ชุดปราบจลาจลครบมือ หากผู้ชุมนุมบุกเข้ามาจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที ขณะเดียวกันได้ตั้งแนวรับไม่ให้กลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลมาเผชิญหน้ากัน จัดระยะห่างกัน 50 เมตร มีตำรวจคั่นไว้ตรงกลาง ขณะนี้ยังต้องตรวจสอบด้านการข่าวว่าจะมีกลุ่มใดรวมตัวกันบ้าง อยากขอร้องประชาชนอย่ามาชุมนุมที่หน้ารัฐสภาให้ติดตามข่าวจากสื่อที่บ้านจะดีกว่า"ถึงขณะนี้ยังไม่มีข่าวว่าผู้ใดจะเคลื่อนไหวบ้าง อาจมีหรือไม่ยังไม่แน่ชัด ส่วนสถานการณ์รุนแรงยังไม่มี เพราะตำรวจดูแลอยู่แล้ว และป้องกันมือที่สามที่อาจมาป่วน ขอให้ทุกฝ่ายเห็นแก่บ้านเมืองเพราะบอบช้ำมามากแล้ว ให้เป็นหน้าที่ตามระบอบรัฐธรรมนูญ" พล.ต.อ.จงรักกล่าว-ปชป.แถลงตอบโต้"จตุพร"วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายศิริโชค โสภา โฆษกคณะรัฐมนตรี (ครม.) เงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม ครม.เงาว่า ที่ประชุมพิจารณาเอกสารความเป็นสมาชิกพรรคของผู้ต้องหาทั้ง 82 คนที่บุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีพบว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือให้ความจริงครึ่งเดียว โดยอ้างว่ามีคนที่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 8 คนบุกรุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที แต่นายจตุพรปกปิดว่ามีคนที่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย 8 คนและมีคนที่เป็นสมาชิกพรรคอื่นรวมอยู่ด้วย เช่น สมาชิกพรรคมหาชนที่บุกรุกเข้าไปด้วย แต่ไม่พูดถึง เห็นได้ชัดว่าเป็นพฤติกรรมที่คนในพรรคนี้ถนัด และทำมาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากเตือนให้พรรคพลังประชาชนโดยเฉพาะนายจตุพรหยุดพฤติกรรมอันน่ารังเกียจเช่นนี้ เพราะทำให้สังคมระอานักการเมืองมากขึ้นนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษก ครม.เงาของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เห็นว่าแม้จะประกาศใช้แต่ไม่มีผลในเชิงปฏิบัติ กลับมีผลในทางจิตวิทยากับความเชื่อมั่นในประเทศ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวที่เห็นได้ชัด และหากรัฐบาลดึงดันจะใช้ต่อไปจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประเทศแน่นอน ทาง ครม.เงาจึงมีมติเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังจากมีการสรรหานายกฯ คนใหม่เรียบร้อยแล้ว-แกนนำพธม.เต้น-สั่งห้ามฆ่า"เห้"เวลา 11.30 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงกรณีการ์ดพันธมิตรฯ รุมทำร้ายตัวเงินตัวทองด้วยหนังสติ๊กว่า มีสื่อลงข่าวไป ตนได้สั่งห้ามไปแล้วว่าต่อไปนี้ห้ามกลุ่มพันธมิตรฯ ทุกคนทำร้ายตัวเงินตัวทองไม่ว่าจะยิงด้วยหนังสติ๊กหรือนำมาแห่รอบทำเนียบ เพราะเป็นสัตว์ที่มีชีวิต การทำร้ายสัตว์เป็นสิ่งที่ไม่ดี เราทำดีมาตลอด ถ้าเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นอีกจะถูกมองในแง่ลบ เป็นการทรมานสัตว์เวลา 12.30 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เยี่ยมกลุ่มนักรบศรีวิชัย 71 คน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันบุกรุกสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว ใช้เวลาพูดคุย 1 ช.ม. จากนั้นนายสมเกียรติกล่าวว่า มาในฐานะตัวแทนแกนนำพันธมิตรฯ เพราะเป็นผู้เดียวที่ได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองจากสภากรณีถูกออกหมายจับข้อหากบฏ ยืนยันว่าไม่ได้ทอดทิ้งกลุ่มผู้ต้องหาตามที่ผู้ปกครองร้องเรียน จากการพูดคุยทุกคนมีขวัญกำลังใจดีและพร้อมจะต่อสู้ พันธมิตรฯ ได้มอบเงิน 30,000 บาทเป็นค่าใช้จ่ายประจำวันฝากไว้กับเจ้าหน้าที่เรือนจำ มอบเงินให้ครอบครัวผู้ต้องหาทั้ง 82 ครอบครัว ครอบครัวละ 5,000 บาทด้วย สำหรับการประกันตัวจะทำได้เป็นรอบๆ ศาลพิจารณาให้เด็กสตรีและคนชราก่อน กลุ่มผู้ต้องหายังให้กำลังใจแกนนำทั้ง 5 คนให้ต่อสู้ต่อไป -โพลสำรวจสื่อโดนกดดันเวลา 11.00 น. สมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง "ทัศนคติเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรและ นปช.ช่วงยึดทำเนียบ ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.ถึงปัจจุบัน : ถามเฉพาะนักข่าวภาคสนาม" ว่าจากเหตุการณ์ประท้วงรัฐบาลแบบยืดเยื้อ สุดท้ายใช้กลยุทธ์แตกหักเข้ายึดทำเนียบบัดนี้นานกว่า 2 สัปดาห์แล้วแต่เหตุการณ์ยังไม่สงบลง โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 34 คน เป็นนักข่าวที่ลงภาคสนาม เก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 8-10 ก.ย. โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นชาย 26 คน หรือร้อยละ 76 เป็นหญิง 8 คน หรือร้อยละ 24 สังกัดหนังสือพิมพ์ร้อยละ 70 โทรทัศน์ร้อยละ 15 สถานีวิทยุร้อยละ 9 มัลติมีเดียร้อยละ 6 โดยพบว่าร้อยละ 32 ไม่เครียด แต่ร้อยละ 68 มีความเครียดจากการทำงาน เนื่องจากร้อยละ 71 เคยปะทะคารมกับผู้ชุมนุม ส่วนร้อยละ 29 ไม่เคยปะทะคารมกับผู้ชุมนุม ทั้งนี้ ร้อยละ 94 เห็นว่าผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายไม่ตระหนักในสิทธิเสรีภาพสื่อส่วนต้นเหตุความขัดแย้งที่ต้องชุมนุมยืดเยื้อนั้นร้อยละ 3 คิดว่าเกิดจากรัฐบาล โดยร้อยละ 94 เห็นว่าต้นตอเกิดจากรัฐบาลและผู้ชุมนุมควบคู่กัน ที่ไม่ยอมลดราวาศอก เกี่ยวกับมูลเหตุการชุมนุม ร้อยละ 15 คิดว่าจุดชนวนมาจากอุดมการณ์ ร้อยละ 24 มาจากเรื่องส่วนตัว ส่วนใหญ่ร้อยละ 61 คิดว่าเริ่มมาจากเรื่องผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว
อีกแนว- บรรยากาศการชุมนุมของม็อบพันธมิตร กลับมาคึกคักอีกในช่วงเย็น หลังฝนตกหนักทำให้เงียบเหงาไปตลอดวัน ขณะที่แกนนำพันธมิตรขึ้นประกาศบนเวที ห้ามการ์ดยิงหนังสติ๊กรุมฆ่าตัวเงินตัวทอง หรือนำมาแห่รอบทำเนียบ -ไม่เห็นด้วยปิดถนน-สนามบินประเด็นข้อปรากฏ ร้อยละ 100 เห็นว่าผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่มชุมนุมโดยมีอาวุธ และร้อยละ 97 เห็นว่าการปราศรัยบนเวทีใช้ถ้อยคำหยาบคาย ร้อยละ 97 เห็นว่าไม่ควรนำเด็กตัวเล็กๆ มาร่วมการชุมนุม เพราะจะซึมซับความรุนแรงโดยไม่รู้ตัว ร้อยละ 97 เห็นว่าการชุมนุมไม่ควรปิดสถานที่ราชการ ปิดถนน ปิดสนามบิน และไม่ควรตัดน้ำ ตัดไฟ หรือหยุดเดินรถ ร้อยละ 97 เห็นว่าการชุมนุมกระทบกับปัญหาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ส่วนร้อยละ 3 ไม่มีความเห็น ประเด็นอุดมการณ์ของแกนนำทั้ง 2 กลุ่มนั้น ร้อยละ 3 เห็นว่าไม่มีการรับเงิน ร้อยละ 12 ไม่มีความเห็น ขณะที่ร้อยละ 85 คิดว่ามีการรับเงิน ที่แฝงมาในรูปการบริจาค ร้อยละ 82 เห็นว่าการชุมนุมของทั้ง 2 กลุ่มมีพรรคการเมืองอยู่หนุนหลัง ร้อยละ 6 เห็นว่าไม่มีพรรคหนุนหลัง ร้อยละ 12 ไม่มีความเห็น ส่วนเรื่องการเมืองใหม่เลือกตั้ง 30 สรรหา 70 นั้นร้อยละ 91 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 6 ไม่มีความเห็น มีร้อยละ 3 ไม่ขอตอบ เนื่องจากการเสนอแนวคิดของพันธมิตรฯ ยังไม่ชัดเจน ยังไม่ทำการบ้านดีพอ อยากฟังแนวคิดที่ตกผลึกแล้วจึงจะสามารถตอบได้-เชื่อหมักลาออก-ม็อบก็ไม่เลิกประเด็นมาตรการ และการปฏิบัติหน้าที่ เรื่องการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร้อยละ 70 ไม่เห็นด้วยร้อยละ 24 เห็นด้วย ร้อยละ 6 ไม่มีความเห็น การทำหน้าที่ของตำรวจในการควบคุมการชุมนุม ร้อยละ 50 เห็นว่าเหมาะสม ร้อยละ 38 ไม่เหมาะสม ร้อยละ 12 ไม่มีความเห็น โดยผู้ตอบแบบสอบถามเห็นใจตำรวจว่าอยู่ตรงกลางวางตัวลำบาก อาจตกเป็นแพะรับบาปได้ ด้านการวางตัวของทหารร้อยละ 85 เห็นว่าเหมาะสม ร้อยละ 6 เห็นว่าไม่เหมาะสม ร้อยละ 9 ไม่มีความเห็น เกี่ยวกับกระบวนการศาล ร้อยละ 59 เห็นว่ากำลังขับเคลื่อนไปด้วยดี ร้อยละ 32 อยากให้มีการบังคับคดีอย่างเคร่งครัด ร้อยละ 9 ไม่มีความเห็น ผลข้างเคียง ร้อยละ 64 คิดว่ามีมือที่ 3 เตรียมสร้างสถานการณ์ ส่วนร้อยละ 12 คิดว่าไม่มีมือที่ 3 ร้อยละ 24 ไม่มีความเห็น ส่วนเรื่องจะบานปลายใหญ่โตจนแบ่งแยก มีสงครามกลางเมืองนั้น ร้อยละ 44 เห็นด้วย ร้อยละ 38 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 18 ไม่มีความเห็นโดยบทสรุป ร้อยละ 64 เห็นว่าแม้นายสมัคร สุนทรเวช ลาออก ยุบสภาหรือถูกปลด ปัญหาการชุมนุมจะไม่จบลงทันที เพราะร้อยละ 76 เห็นว่าเป้าหมายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งร้อยละ 91 เห็นว่าควรดำเนินคดีกับแกนนำ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการชุมนุมครั้งนี้ ร้อยละ 88 เห็นว่าสมควรหยุดการชุมนุม ส่วนร้อยละ 12 เห็นว่าสามารถชุมนุมต่อไปได้ แต่ให้เป็นไปอย่างสงบไม่ขัดข้อกฎหมาย และชุมนุมในที่ที่เหมาะสม สำหรับทาง ออกเรื่องนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ร้อยละ 35 เห็นว่าการเจรจาเป็นช่องทางที่ดีที่สุด รองลงมา ร้อยละ 26 เห็นว่าอยู่ที่กระบวนการศาล ร้อยละ 21 เห็นว่าอยู่ที่ระบบรัฐสภา น้อยที่สุดร้อยละ 18 คือให้ทหารก่อรัฐประหาร ดังนั้นการยอมถอยของทั้งรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อนำไปสู่กระบวนการเจรจา และนำพาเข้าสู่ระบบศาลจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด-พปช.จี้ 9 แกนนำพธม.มอบตัวที่รัฐสภา นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน พร้อมด้วยส.ส.พรรคพลังประชาชน 10 คน ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ในนามกลุ่มผู้แทนปวงชนชาวไทย เรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ ยุติการชุมนุมภายหลังจากนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีส่งผลให้พ้นจากตำแหน่ง นายอำนวยกล่าวว่า การชุมนุมประท้วงและยึดทำเนียบรัฐบาลทำให้สถานการณ์การเมืองตึงเครียด เศรษฐกิจเสียหาย จึงขอให้กลุ่มพันธมิตรฯ ยุติการชุมนุมและเดินทางกลับภูมิลำเนา นอกจากนี้ ขอให้กลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมืองเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในระบอบประชาธิปไตย ขอเรียกร้องให้ 9 แกนนำพันธมิตรฯ มอบตัวสู้คดีและเร่งปลูกฝังให้พลเมืองยึดมั่นในกฎหมาย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างความสงบสุขร่มเย็นสู่สังคม ใครที่ไม่ยอมรับกฎหมายของชาติก็ต้องหาประเทศอื่นอยู่ โดยการแถลงการณ์ดังกล่าวไม่ถือเป็นการยั่วยุ เพียงแต่ต้องการให้คนไทยอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันนายอำนวยกล่าวว่า ส่วนที่ประชุมสภาจะโหวตให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ ในวันที่ 12 ก.ย.นั้น ขึ้นอยู่กับมติของพรรคพลังประชาชนว่าจะตัดสินใจเลือกใคร แต่วันนี้ขอเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ ยุติการชุมนุม เพราะนายสมัครไม่ได้เป็นนายกฯ แล้ว ส่วนประชาชนที่ชุมนุมอยู่ในต่างจังหวัดก็มีสิทธิ์ในการชุมนุม แต่ต้องไม่ลิดรอนสิทธิของคนอื่น- ตร.ตรึงรัฐสภา-รับมือ 2 ม็อบวันเดียวกัน นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เผยมาตรการรักษาความปลอดภัยในการประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯ วันที่ 12 ก.ย.ว่า หลังทราบข่าวว่าจะมีหลายกลุ่มมาชุมนุมกันที่หน้ารัฐสภา จึงประสานตำรวจสน.ดุสิตที่รับผิดชอบพื้นที่ จากนั้นตำรวจจะประสานงานกันเองเพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่มารักษาความปลอดภัย เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะวางแผนการปฏิบัติการ คงไม่มีอะไรเป็นพิเศษในมาตรการรักษาความปลอดภัย ฝ่ายสภาก็ทำไปตามขั้นตอนที่ปฏิบัติมา เตรียมการเหมือนการประชุมทุกครั้งที่มีข่าวว่าจะมีผู้ชุมนุมมาหน้ารัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่สถานการณ์การเมืองขัดแย้ง มีผู้ชุมนุมเดินทางมาหน้ารัฐสภาบ่อยครั้ง ตำรวจได้จัดเจ้าหน้าที่อย่างน้อยๆ 3 สน. และหน่วยอรินทราชมารักษาความปลอดภัย พร้อมตั้งรั้วเหล็กรอบสภาเพื่อกันผู้ชุมนุมบุกเข้ามา ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันเดียวกันนี้เริ่มเสริมกำลังตำรวจตชด.จากอรัญประเทศ 100 นาย มาประจำที่สภาแล้ว- ทหารส่ง 2 กองร้อยร่วมคุมเข้มผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ช่วงเย็นวันเดียวกัน มีตำรวจจากจังหวัดจันทบุรี 1 กองร้อย ตำรวจตระเวนชายแดนอรัญประเทศ 1 กองร้อย หน่วยพลร่ม 3 กองร้อย ตำรวจ 191 จำนวน 1 กองร้อย และตำรวจนอกเครื่องแบบอีกจำนวนหนึ่ง เดินทางมาประจำการที่รัฐสภา นอกจากนี้ ในช่วงเช้าตรู่วันที่ 12 ก.ย. ซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายกฯ จะมีทหารกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 2 กองร้อยมาสมทบเพิ่มด้วย หลังมีกระแสข่าวว่ากลุ่มชมรมคนรักอุดรฯจะขนนักเรียนกศน. 12 คันรถบัสมาชุมนุมรวมตัวกันที่หน้ารัฐสภา ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันกลุ่มพันธมิตรฯให้ยุติการชุมนุมและออกจากทำเนียบรัฐบาลรายงานข่าวแจ้งว่า หลังมีข่าวพันธมิตร เตรียมปิดล้อมอาคารรัฐสภาร่วมกับนักศึกษาม.รามฯ เพื่อสร้างแรงกดดันไม่ให้สภาโหวตให้นายสมัคร กลับเข้ามาเป็นนายกฯ กลุ่มที่สนับสนุนนายสมัคร ได้ระดมนปช.ทยอยเดินทางมาปักหลักโดยรอบอาคารรัฐสภา ตั้งแต่เวลา 20.00 น. คืนวันดียวกันนี้ - ม็อบหนุนหมักพรึบหลายจว.วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัดของกลุ่มสนับสนุนนายสมัคร เป็นนายกฯ ที่จ.แม่ฮ่องสอน นายแสงทอง ขยันดี ส.อบจ.แม่ฮ่องสอน เขต 5 นำชาวบ้าน 800 คนมาแสดงพลังพร้อมขึ้นป้ายสนับสนุนให้รัฐบาลรักษาการตั้งนายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯ พร้อมยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อนายทวีศักดิ์ วัฒนธรรมรักษ์ รองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนนายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ที่บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดเลย ตัวแทนจากอำเภอต่างๆ กว่า 1,000 คน มาชุมนุม โดยมีอดีต ส.จ.ผลัดเปลี่ยนกันปราศรัย เรียกร้องให้นายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯและกล่าวโจมตีพันธมิตร จากนั้นผู้ชุมนุมเดินทางไปรวมตัวกันที่หน้าสนามศาลากลางจังหวัด พร้อมเปิดปราศรัยขณะที่ความเคลื่อนไหวที่ศรีสะเกษ ชาวบ้านจากทุกอำเภอ 2,000 คน เดินทางโดยรถบรรทุก 6 ล้อและรถปิกอัพมาชุมนุมที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัด มีการปราศรัยโจมตีพันธมิตร พร้อมแจกจ่ายใบปลิวลงนามโดยเครือข่ายองค์กรประชาชนชาวศรีสะเกษพิทักษ์ประชาธิปไตย เรียกร้องให้สนับสนุนนายสมัครที่จ.มหาสารคาม ประชาชนจาก 13 อำเภอ กว่า 1,000 คน มาชุมนุมที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัด (เก่า) และล่ารายชื่อสนับสนุนนายสมัคร เป็นนายกฯต่อ นายนิคม รมราชย์ 1 ในแกนนำผู้ชุมนุมกล่าวว่า ขอให้กำลังใจรัฐบาลเดินหน้าสู้กับอำนาจมืด และหากมีการยุบสภาก็ขอให้ประชาชนช่วยกันเลือกพรรคพลังประชาชน เพราะเป็นพรรคของพ.ต.ท. ทักษิณ - นครพนม-สุรินทร์จี้จับพธม.ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ นายสุริยะ ร่วมพัฒนา ที่ปรึกษารมว.มหาดไทย เป็นแกนนำม็อบจากอ.ท่าตูม และอ.ชุมพลบุรี 400 คน ตั้งเวทีปราศรัยเรียกร้องให้นายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯ โดยเป็นการชุมนุมเป็นวันที่สอง และประกาศจะชุมนุมต่อเป็นวันที่สาม ในวันที่ 12 ก.ย. ก่อนเข้ากทม.จ.นครพนม บริเวณสวนชมโขง บริเวณสวนชมโขง แกนนำกลุ่มปกป้องประชาธิปไตย จ.นครพนม 300 คน นำโดยนางมนพร เจริญศรี รองนายกอบจ.นครพนม บุตรสาวน.พ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน พร้อมส.อบจ.กว่า 20 คน ตั้งเวทีปราศรัยเป็นวันที่สอง เพื่อสนับสนุนให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินคดีกับ 9 แกนนำพันธมิตรที่ศาลออกหมายจับ นางมนพรกล่าวว่า ล่ารายชื่อได้ 5,000 คนแล้ว คาดว่าวันที่ 12 ก.ย. จะมีชาวบ้านจาก 13 ตำบลในอำเภอเมือง ทยอยมาร่วมชุมนุมและลงชื่อสนับสนุนนายสมัคร ครบ 10,000 รายชื่อเพื่อยื่นเสนอต่อพรรคพลังประชาชน- เยาวชนกู้ชาติยันชุมนุมสันติเย็นวันเดียวกัน ที่เวทีทำเนียบรัฐบาล นายเหมวัส ชาญชัยวานิช แกนนำเครือข่ายกลุ่มเยาวชนกู้ชาติ ปราศรัยว่า วันที่ 12 ก.ย. เวลา 08.00 น. ขอให้นักเรียนนิสิตนักศึกษามารวมตัวกันที่เวทีพันธมิตรสะพานมัฆวานฯเพื่อเคลื่อนขบวนไปรัฐสภา กดดันการลงมติเลือกนายกฯคนใหม่พร้อมเปิดปราศรัยที่หน้ารัฐสภาอย่างสงบและสันติ เวลานี้จะมัวยืนอยู่ตรงกลางไม่ได้ ต้องเลือกว่าจะอยู่ข้างไหน ทุกครั้งที่เยาวชนออกมาแสดงพลังจะสั่นสะเทือนรัฐบาล แม้กลุ่มนปช.จะประกาศชุมนุมที่หน้ารัฐสภาด้วย แต่เครือข่ายเยาวชนฯไม่กลัว หากเข้ามาทำร้ายจะสูญเสียความชอบธรรมทันที ถ้าเกิดเหตุรุนแรงขึ้นจริง เครือข่ายเยาวชนฯจะไม่ใช้ความรุนแรงโต้ตอบ แต่จะถอยขบวนกลับมาอยู่ที่เวทีสะพานมัฆวานฯตามเดิม หาวิธีกดดันรัฐบาลต่อไปนายวสันต์ วานิช ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติ กล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาที่หน้ารัฐสภาวันที่ 12 ก.ย.ว่า คาดว่าจะมีกลุ่มนักศึกษาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยจากภาคใต้เดินทางเข้าสมทบการชุมนุมในวันที่ 12 ก.ย. กว่า 1,000 คน- ศาลให้ประกัน 2 นักรบศรีวิชัยวันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก น.ส.รัศมี ไวยเนตร ทนายความ สภาทนายความและคณะเดินทางมายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาคดีร่วมกันบุกรุกเข้าไปในอาคารสำนักงานสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) โดยใช้กำลังและมีอาวุธเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมาเพิ่มเติมอีก 3 คน ประกอบด้วยนายชนินทร์ อินทร์พรหม อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นโรคเบาหวาน นายดำรงศักดิ์ จันทพันธ์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาที่ 38 ซึ่งขณะนี้รักษาอาการโรคเบาหวานอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากมีอาการช็อกเพราะขาดน้ำตาล และนายอัมรินทร์ ยี่เฮง อายุ 29 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏวลัยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยยื่นหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพของบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัดและเงินสดมูลค่าคนละ 200,000 บาทเวลา 17.00 น. ศาลจึงมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวเพียง 2 คน คือนายดำรงศักดิ์ จันทพันธ์ ผู้ต้องหาที่ 38 และนายอัมรินทร์ ยี่เฮง ผู้ต้องหาที่ 48 โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะไม่หลบหนีหรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น เพื่อให้โอกาสผู้ต้องหาจึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 38 และ 48 โดยตีราคาประกัน 200,000 บาท ทำสัญญาประกัน ยึดหลักประกัน แจ้งบริษัทประกันภัยทราบ และเห็นควรมีข้อกำหนดห้ามมิให้ผู้ต้องหาที่ 38 และ 48 ไปก่อเหตุอันตรายประการใดในลักษณะเดียวกับคดีนี้อีก มิฉะนั้นศาลจะมีคำสั่งเพิกถอนสัญญาประกัน- รวมแล้วได้ประกันไป 13 รายส่วนนายชนินทร์ อินทร์พรหม อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งระบุว่าเป็นโรคเบาหวานนั้น ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์ตามคำร้องฝากขังแล้วเห็นว่าร่วมกันก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยบุกรุกเข้าในสถานีโทรทัศน์ NBT โดยใช้กำลังและมีอาวุธในเวลากลางคืน อีกทั้งยังข่มขืนใจเจ้าหน้าที่สถานีโทรทัศน์ NBT ให้หยุดทำงานให้หยุดออกอากาศ ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 82 คนได้พร้อมอาวุธของกลาง ถือว่ามีพฤติการณ์ร้ายแรง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ซึ่งแม้ผู้ต้องหาที่ 2 จะระบุในคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวว่าเป็นโรคเบาหวาน แต่ศาลเห็นว่าผู้ต้องหาสามารถเข้ารักษาตัวได้ที่โรงพยาบาลในเรือนจำหากเกิดอาการป่วย กรณีจึงยังไม่มีเหตุให้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ให้ยกคำร้อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาคดีนี้ทั้งหมด 82 คน ที่ศาลอาญาอนุญาตให้ประกันตัวรวมแล้วทั้งสิ้น 13 คนซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษา ผู้หญิง ผู้ป่วย และผู้สูงอายุ ขณะนี้จึงเหลือผู้ต้องหาที่คงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ จำนวน 69 คนที่เป็นชายทั้งหมดซึ่งรอรวบรวมหลักทรัพย์เพื่อยื่นประกันต่อไป- "ยะใส"ชี้อาจเกิดรัฐประหารเวลา 19.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงว่า หากพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมดึงดันเลือกนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อาจนำไปสู่การรัฐประหาร ประชาชนจะออกมาต่อต้านทั่วประเทศ ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือพ.ต.ท.ทักษิณ จะมีข้ออ้างขอลี้ภัยยังประเทศอังกฤษ กรณีกลุ่มเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติจะเคลื่อนขบวนไปรัฐสภาวันที่ 12 ก.ย. ขอประชุมแกนนำและหารือกับเครือข่ายเยาวชนฯ เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าปลอดภัยหรือไม่ หากมีความเสี่ยงมากอาจไม่ให้เคลื่อนไป แต่หากเครือข่ายเยาวชนฯ จะไปถือเป็นสิทธิ์ ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงต้องถือเป็นเรื่องสุดวิสัย หากถูกฝ่ายตรงข้ามตีต้องให้ตำรวจดูแลสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบ ทราบว่าช่วงค่ำวันเดียวกันนี้กลุ่ม นปช.จะเคลื่อนกำลังมาปักหลักด้านรัฐสภา หากเครือข่ายเยาวชนฯ เดินทางไปจริงต้องปรึกษาแกนนำก่อนว่าจะเคลื่อนขบวนพันธมิตรฯ ไปสมทบหรือไม่ แกนนำรุ่นที่ 2 จะเป็นผู้นำไป ส่วนแกนนำรุ่นแรกจะอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาลนายแสงธรรม ชุนฤชาธาร ประธานโรงเรียนสาธิตมัฆวาน มหาวิทยาลัยราชดำเนิน แกนนำเครือข่ายเยาวชนฯ เผยว่า ต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อนว่ามีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ ต้องปรึกษาแกนนำพันธมิตรฯ ด้วย แต่หากเครือข่ายเยาวชนฯ ประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าไม่น่ามีเหตุรุนแรงจะเคลื่อน ขบวนตามที่วางแผนไว้ โดยไม่ต้องฟังแกนนำพันธมิตรฯ แต่หากประเมินแล้วสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจจะไม่เคลื่อนขบวนไป โดยจะปักหลักที่ สะพานมัฆวานฯ หาวิธีกดดันต่อไป- ทหารจับตาม็อบชนม็อบเวลา 18.30 น. นายสาวิทย์ แก้วหวาน แกนนำพันธมิตรรุ่น 2 เลขาธิการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ขึ้นเวทีทำเนียบรัฐบาล ประกาศทำสงครามกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม โดยระบุว่า นายสันติประกาศห้ามเดินรถไฟและจำหน่ายตั๋วรถไฟให้ประชาชน เนื่องจากเกรงว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมกับพันธมิตรที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะขบวนรถสายใต้ ดังนั้น ขอประกาศให้สมาชิกสหภาพ แรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทย และพนักงานทุกคนทุกตำแหน่งเข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. เพื่อบริการประชาชนที่จะมาร่วมต่อต้านรัฐบาลที่ไร้ความชอบธรรม ให้รู้ไปว่านายสันติที่มาเป็นรัฐมนตรีไม่เท่าไหร่ กับสหภาพแรงงานใครจะใหญ่กว่ากันรายงานข่าวจากกองทัพบกเปิดเผยว่า ทหารได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมพร้อมกำลังที่บก.ทบ. เนื่องจากเป็นห่วงการเผชิญหน้าและปะทะกันระหว่าง 2 กลุ่ม โดยมีสายข่าวรายงานว่ากลุ่มคนรักอุดรฯและกลุ่มบุรีรัมย์ทยอยเข้ากรุงเทพฯมาแล้ว 11 คัน อีกทั้งยังเตรียมคนจากปากน้ำ ท่าน้ำนนท์ เข้ามาสมทบ เริ่มถึงกรุงเทพฯตั้งแต่เวลา 23.00 น.- 2 ม็อบเชียงใหม่เผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ เวลา 14.00 น. ที่จ.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ปิยบุตร อัจฉริยมงคล ผกก.สภ.ช้างเผือก ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีกลุ่มพันธมิตรภาคเหนือได้มาเลี้ยงฉลองกันโดยนัดกันมากินอาหารกันที่ร้าน "หมูกระทะ สันติธรรม" ต.ช้างเผือก อ.เมือง เชียงใหม่ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว และหวั่นว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจากฝ่ายตรงข้ามขอให้ตำรวจมาอำนวยความสะดวกและดูแลด้วย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ช้างเผือก จึงได้ประสานไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ส่งกำลังเข้ามาเพิ่มเพื่อคอยดูแล โดยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.ช้างเผือก 60 นาย จากนปพ.จังหวัด 30 นาย เข้าควบคุมดูแลกลุ่มพันธมิตรที่ทยอยเดินทางมาร่วมเลี้ยงฉลองกันที่ร้านหมูกระทะดังกล่าวท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวรวมทั้งสิ้นประมาณ 350 คน โดยเก็บค่าลงทะเบียนคนละ 130 บาท เพื่อนำมาจ่ายค่าหมูกระทะและเครื่องดื่ม นำโดย นายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา หรือโต้ง ที่อ้างตัวเป็นแกนนำพันธมิตรทางเขตภาคเหนือผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่กลุ่มพันธมิตรภาคเหนือกำลังกินหมูกระทะและกล่าวปลุกระดมกันในหมู่คณะ ได้มีกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ใช้รถตุ๊กตุ๊กจำนวน 30 คัน และรถกระบะเปิดเครื่องขยายเสียงได้แห่รณรงค์ต่อต้านกลุ่มพันธมิตรไปรอบเมืองเชียงใหม่และได้แวะผ่านมายังร้านหมูกระทะที่กลุ่มพันธมิตรนั่งกินอยู่และทั้งสองฝ่ายต่างก็โห่ใส่กัน ทางตำรวจได้อารักขาอย่างเต็มที่ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง กลุ่มคนรักเชียงใหม่ได้ผ่านไปรวมตัวกันต่อที่หน้าโรงแรมแกรนด์วโรรสพาเลซ ส่วนกลุ่มพันธมิตรนั้นได้นั่งกินและมีการปลุกระดมชักชวนให้ผู้มาชุมนุมครั้งนี้ไประดมพลให้มากขึ้นกว่านี้ จากนั้นเมื่อเวลา 17.00 น. ทั้งหมดก็ได้สลายตัวไปในที่สุด- บิ๊กเหล่าทัพหารือเครียดเวลา 19.30 น. แหล่งข่าวจากกองทัพเปิดเผยว่า พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ได้เรียกผบ.เหล่าทัพ ประกอบด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. เข้าหารือที่บ้านพักรับรองภายใน ศรภ. ถึงสถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะปัญหาเรื่องตัวบุคคลที่จะเป็นนายกฯ ซึ่งจะมีการเสนอเข้าสู่สภาในวันที่ 12 ก.ย. แต่ยังมีความสับสนอยู่ อีกทั้งมีรายงานข่าวจากกองทัพยืนยันว่ากลุ่มนปช.จะเคลื่อนมาปักหลักชุมนุมที่หน้ารัฐสภาภายในคืนนี้ เพื่อสนับสนุนนายสมัคร เป็นนายกฯ ขณะเดียวกันกลุ่มพันธมิตร จะเคลื่อนพลออกมาคัดค้าน ซึ่งอาจเกิดการปะทะกันได้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหัวค่ำเจ้าหน้าที่รปภ.ของสภา เดินมาแจ้งนักข่าวและเจ้าหน้าที่สภา ให้ออกจากสภาภายในเวลา 21.00 น. เนื่องจากจะปิดไฟทั้งอาคาร เพื่อรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้มีการเตรียมไฟสำรองไว้สำหรับการประชุมโหวตเลือกนายกฯ เพราะเกรงว่าอาจมีมือดีหวังป่วนการประชุมเลือกนายกฯ ด้วยการตัดไฟ ส่วนภายรอบหน้าสภามีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งตชด. และ 191 จำนวนมากเตรียมพร้อม รวมถึงจัดเตรียมรถขังนักโทษ เตรียมไว้ด้วย- สนธิระดมพธม.เข้ากรุงสู้ต่อมาเวลา 21.30 น. แกนนำพันธมิตรทั้ง 5 คนทยอยขึ้นเวทีปราศรัย โดยส่วนใหญ่ยืนยันว่าไม่ต้องการให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมจับตาการประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯ ให้ดี ถ้านายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯ บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟแน่นอน ขอให้ประชาชนทั่วประเทศเก็บเสื้อผ้าออกมาร่วมชุมนุมกันได้เลยเพื่อแสดงประชามติให้รู้ว่าพวกเราไม่เอารัฐบาลพรรคพลังประชาชน เพราะจะหวังพึ่งพรรคร่วมรัฐบาลคงเป็นไปไม่ได้ เพราะพรรคชาติไทยก็ต้องถูกยุบ นายบรรหาร ต้องเว้นวรรค 5 ปี จึงต้องร่วมหัวจมท้ายกับพรรคพลังประชาชนจนถึงที่สุดหน้า 1
นายประสพโชติ ปรีชาวรพิชญ์
5131601387 sec.02

ไม่มีความคิดเห็น: